Nation Radio

ฟังรายการย้อนหลัง 90.5 MHz


ฟังรายการย้อนหลัง 102 MHz

ข่าวล่าสุด

  • "โกลเดนวีค (Golden Week) "นานาประเทศลุ้นนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศ

    วันหยุดโกลเดนวีคของจีนเริ่มตั้งแต่วันพุธ (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันชาติจีนต่อเนื่องไปจนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ถือเป็นช่วงเวลาเดินทางสำคัญที่สุดช่วงหนึ่งของจีน นานาประเทศต่างจับจ้องนักท่องเที่ยวจีนตาเป็นมัน

    วันจันทร์ (29 ก.ย.) เป็นวันแรกที่เกาหลีใต้ยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเป็นกลุ่มไม่น้อยกว่าสามคนทั้งทางอากาศและทางทะเล อยู่ได้ไม่เกิน 15 วัน มาตรการนี้มีไปจนถึง 30 มิ.ย.2026

    หลังจากมีข่าวยกเว้นวีซ่าในเดือน ส.ค. บรรยากาศธุรกิจมีชีวิตชีวามาก โคเรียนแอร์ประกาศเป็นพันธมิตรกับซีทริป บริษัทจองการเดินทางออนไลน์ของจีน หวังดึงดูดลูกค้าโดยการเสนอตั๋วเครื่องบินและแพ็กเกจทั่วใหม่ๆ ขณะที่ล็อตเตกรุ๊ปยักษ์ใหญ่ค้าปลีกจับมือกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลักของจีนในเดือนนี้ นำเสนอส่วนลดเครื่องสำอางที่เป็นที่นิยมในหมู่ลูกค้าจากประเทศจีน

    สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า เมื่อวันจันทร์เรือสำราญเดอะดรีมจากนครเทียนจินมาเทียบท่าอินชอน ผู้โดยสารราว 2,000 คนมาทัวร์เกาหลีใต้เป็นเวลาห้าวัน ชิลลาดิวตี้ฟรีช็อปวางแผนจัดพิธีต้อนรับเพื่อกระตุ้นให้ผู้โดยสารมาเยี่ยมร้านที่สาขากรุงโซล

    คาดกันว่า ช่วงเทศกาลวันชาติจีนต้นเดือน ต.ค. อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเกาหลีใต้จะคึกคักมาก

    “นี่จะส่งผลดีมากต่ออุตสาหกรรม เราจะนำเสนอแพ็กเกจทัวร์ยอดนิยมกับลูกค้าชาวจีน” ผู้จัดการฮานาทัวร์ บริษัททัวร์รายใหญ่ของเกาหลีใต้เผย

    ไม่ใช่แค่เกาหลีใต้ เดือนนี้รัสเซียประกาศยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนเป็นเวลา 15 วัน และ 30 วันเช่นกัน

    ไชนาเดลีรายงานว่า ผู้บริโภคชาวจีนสนใจอยากไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้นในช่วงวันหยุดยาวนี้ จองทัวร์ล่วงหน้ากันคึกคัก

    บริษัทท่องเที่ยวจีน “ยูทัวร์” เผยว่า ช่วงต้นเดือน ก.ย. ผู้บริโภควางแผนท่องเที่ยววันหยุดเพิ่มขึ้น 130% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กูนาร์ บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ในกรุงปักกิ่งเผยว่า ชาวจีนจองโรงแรมกว่า 2,800 แห่งทั่วโลกตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย. หากวัดจากปริมาณการจองโรงแรม แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ มาเลเซีย และเวียดนาม โดยอียิปต์ เวียดนาม อุซเบกิสถาน กัมพูชา และสวีเดนมีอัตราการจองโรงแรมเติบโตสูงสุด

    ได้แรงหนุนฟรีวีซ่า การที่นักท่องเที่ยวจีนกระตือรือร้นอยากไปต่างประเทศได้แรงหนุนจากนานนาประเทศใช้นโยบายฟรีวีซ่ามากขึ้น เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ส่วนเกาหลีใต้และรัสเซียอนุญาตให้กรุ๊ปทัวร์จีนเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า

    ทริปดอทคอมกรุ๊ป (Trip.com Group) บริษัทท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่สุดของจีน พบว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างสิงคโปร์และมาเลเซียยังคงเป็นปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางชาวจีน ส่วนประเทศและภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (บีอาร์ไอ) กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้น

    นักเดินทางชาวจีนสนใจเยือนแอฟริกามากกว่าเดิม ยอดจองการท่องเที่ยวที่เคนยาและแทนซาเนียช่วงวันหยุดโกลเดนวีค พุ่งขึ้น 130% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    นักท่องเที่ยวจีนชอบไปไหน ด้านแพลตฟอร์มเอบีแอนด์บี ซึ่งมีฐานปฏิบัติการในสหรัฐ เผยว่า ผู้ใช้ชาวจีนค้นหาที่พักในต่างประเทศเช็กอินระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-8 ต.ค. เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากปี 2024

    ประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือญี่ปุ่น อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน นิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย สหรัฐ และสหราชอาณาจักร

    ส่วนประเทศท็อปเท็นตามการจัดอันดับของกูนาร์ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไทย เกาหลีใต้ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย รัสเซีย สิงคโปร์ และอิตาลี

    องค์การการท่องเที่ยวแห่งชาติญี่ปุ่น (เจเอ็นทีโอ) กล่าวว่า ในเดือนที่ผ่านมา ญี่ปุ่นรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน อานิสงส์เที่ยวบินเพิ่มทั่วเอเชีย ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนมากที่สุด 1 ล้านคน เพิ่มขึ้น36.5% ตามด้วย เกาหลีใต้ 660,900 คน เพิ่มขึ้น 8%

    โกลบอลไทม์สรายงานว่า ขณะนี้สนามบินและสายการบินทั่วประเทศจีนกำลังใช้มาตรการอย่างครอบคลุมรองรับผู้โดยสารที่จะเพิ่มจำนวนมากขึ้น สนามบินนานาชาติกรุงปักกิ่งคาดว่า จะมีผู้โดยสารถึง 1.67 ล้านคนช่วงวันหยุดนี้ เฉลี่ยวันละ 208,800 คน เที่ยวบิน 9,903 เที่ยว เฉลี่ย 1,238 เที่ยวต่อวันปลายทางยอดนิยมในประเทศ เช่น เซี่ยงไฮ้ เฉิงตู กว่างโจว ซันยา โตเกียว โอซากา ลอนดอน และโซล

    ส่วนสนามบินนานาชาติปักกิ่งต้าซิงเผยว่า มีกำหนดเที่ยวบิน 7,925 เที่ยวระหว่างวันที่ 1-8 ต.ค. รองรับผู้โดยสาร 1.308 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2024 จำนวนเที่ยวบินและการเดินทางของผู้โดยสารคาดว่าเพิ่มขึ้น 4.6% และ 6.1% ตามลำดับ ปลายทางยอดนิยม ได้แก่ โอซากา โซล โตเกียว กัวลาลัมเปอร์ และมอสโก สายการบินไชนาเซาเทิร์นแอร์ไลน์ จะกลับมาบินตรงระหว่างปักกิ่งต้าซิงกับเตหะรานในวันที่ 3 ต.ค.นี้

    #กรุงเทพธุรกิจ

    อ่านต่อ
  • อุตุฯ เตือน 16 จังหวัดเฝ้าระวัง อีสานปริมาณฝน 80%

    พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี ระนอง และพังงา ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และภาคเหนือตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและประเทศลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย

    สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 68

    อนึ่ง พายุดีเปรสชัน “บัวลอย” (BUALOI) ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณแขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาวแล้ว คาดว่าจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบนและภาคเหนือตอนบนในวันนี้ (30 ก.ย. 68)

    กรุงเทพและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส

    #กรมอุตุนิยมวิทยา

    อ่านต่อ
  • "ทรัมป์" อนุมัติแผนซื้อ TikTok มูลค่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์

    โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งพิเศษ อนุมัติข้อเสนอซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ แล้ว โดยที่รองประธานาธิบดีประเมินมูลค่าเอาไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ก.ย. 2568 โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร อนุมัติข้อเสนอซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ เพื่อให้แอปพลิเคชันยอดนิยมนี้สามารถให้บริการในสหรัฐฯ ต่อไปได้ โดยนาย เจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่า เขาประเมินมูลค่าของข้อตกลงซื้อขายไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

    ข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่กำหนดให้บริษัท “ไบต์แดนซ์” (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศจีน ต้องขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ หรือเผชิญกับการถูกแบนในประเทศนี้

    ภายใต้เงื่อนไขของข้อตกลง ซึ่งยังต้องรอการอนุมัติจากจีน บริษัทร่วมทุนแห่งใหม่จะเข้ามากำกับดูแลธุรกิจ TikTok ในสหรัฐฯ โดยที่ ByteDance จะคงสัดส่วนการถือหุ้นไว้ไม่ถึง 20%

    ตามรายงานของ CNBC บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง “ออราเคิล” (Oracle), “ซิลเวอร์ เลค” (Silver Lake) และกองทุนเพื่อการลงทุน “MGX” ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในอาบูดาบี จะเป็นผู้ลงทุนหลักในธุรกิจ TikTok ของสหรัฐฯ โดยจะเข้าควบคุมสัดส่วนประมาณ 45% ของกิจการดังกล่าว ขณะที่นักลงทุนของ ByteDance และผู้ถือหุ้นรายใหม่จะถือครองหุ้น 35%

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีตัวแทนจาก ByteDance เข้าร่วมในการลงนามคำสั่งของนายทรัมป์ และบริษัทก็ไม่ได้ออกมายอมรับว่ากำลังจะมีธุรกรรมใด ๆ เกิดขึ้น ไม่มีการกล่าวถึงราคาซื้อ และไม่มีข้อบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนได้ทำการเปลี่ยนแปลงกฎหมายที่จำเป็นสำหรับข้อตกลงนี้แต่อย่างใด

    ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้ให้ไฟเขียวกับข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ขณะที่รองประธานาธิบดีแวนซ์กล่าวว่า รัฐบาลจีนพยายามขัดขวางบางอย่างก่อนที่จะมีการบรรลุข้อตกลงนี้

    ทั้งนี้ ตามแผนที่วางเอาไว้ บริษัท Oracle จะเป็นผู้ดูแลการดำเนินงานด้านความปลอดภัยของแอป TikTok และยังคงให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้งแก่บริษัท TikTok สหรัฐฯ แห่งใหม่ต่อไป

    นายทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า นายแลร์รี เอลลิสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Oracle จะมีส่วนร่วมในกลุ่มผู้ถือหุ้น และบริษัทของเขากำลังมีบทบาทสำคัญอย่างมาก "แอปนี้จะเป็นของคนอเมริกัน และเป็นคนอเมริกันที่มีความรู้ความสามารถสูง" ทรัมป์กล่าวในพิธีลงนาม "การดำเนินการทั้งหมดนี้จะเป็นไปโดยคนอเมริกัน"

    ทั้งนี้ นายทรัมป์พยายามชงเรื่องการแบนแอปพลิเคชัน TikTok ในสหรัฐฯ ในช่วงก่อนสิ้นสุดการปกครองสมัยแรกของเขา โดยอ้างความกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูล แม้นโยบายของเขาจะไม่เคยผ่านความเห็นชอบจากสภา แต่ในท้ายที่สุด รัฐบาลชุดต่อมาของนายโจ ไบเดน ก็ให้การสนับสนุนและลงนามเป็นกฎหมายในปี 2567

    กฎหมายดังกล่าวทำให้บริการ TikTok ในสหรัฐฯ หยุดไปช่วงระยะเวลาหนึ่งในวันที่ 18 ก.ค. ก่อนที่ “กฎหมายควบคุมแอปพลิเคชันต่างชาติที่เป็นปรปักษ์” (Foreign Adversary Controlled Applications Act) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ แต่ 2 วันต่อมา นายทรัมป์ก็ลงนามคำสั่งพิเศษ เลื่อนเส้นตายการแบน TikTok ออกไป 75 วัน

    แต่ท่าทีของนายทรัมป์ที่มีต่อ TikTok เปลี่ยนไป หลังจากแอปพลิเคชันนี้ช่วยให้เขาชนะการเลือกตั้งปี 2567 อย่างถล่มทลาย กอปรกับความกังวลว่าจะทำให้ผู้ใช้งาน TikTok ในสหรัฐฯ กว่าร้อยล้านบัญชีไม่พอใจ ทำให้รัฐบาลของเขาเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวมาตลอด โดยครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน

    #thairath

    อ่านต่อ
  • รมว.พลังงาน ลั่นเดินหน้าลดภาระค่าพลังงานปลายปี ทบทวนแผน PDP ให้ทันยุคสมัย

    นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน เปิดเผยเมื่อเดินทางเข้ามารับหน้าที่อย่างเป็นทางการวันแรกว่า ภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการทันที คือการแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานสำคัญภายใต้การกำกับกระทรวงพลังงาน เช่น ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง, ผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นไปอย่างราบรื่น รวมถึงการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

    สำหรับร่างนโยบายรัฐบาลที่จะนำไปแถลงต่อรัฐสภาเพื่อกำหนดทิศทางการบริหารประเทศไทยในระยะเวลาอันจำกัด ซึ่งเน้นการแก้ไขปัญหา 4 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจ ความมั่นคง สิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติที่เกิดจากธรรมชาติ รวมถึงปัญหาสังคม

    โดยในเรื่องของด้านเศรษฐกิจที่ต้องดูแลราคาพลังงานนั้น เนื่องจากในช่วงปลายปีของทุกปีจะเป็นช่วงที่ราคาพลังงานเร่งตัวขึ้น จึงต้องเข้าไปศึกษารายละเอียดว่าจะบริหารจัดการอย่างไรเพื่อไม่ให้ราคาพลังงานเป็นภาระต่อประชาชน ขณะที่แนวทางการลดค่าไฟนั้น ยังเป็นต้องไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำให้ค่าพลังงานเป็นภาระต่อประชาชนแน่นอน

    สัปดาห์หน้ารัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะแถลงนโยบาย โดยภายหลังจากนั้นแล้ว กระทรวงพลังงานพร้อมเดินหน้าภารกิจเร่งด่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบายพลังงานของประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักคือ การลดภาระค่าครองชีพด้านพลังงานของประชาชน ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ต้องดำเนินการทันที โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่ราคาพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น

    #อินโฟเควสท์

    อ่านต่อ
  • ระเบิด ‘โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฮาร์ตส์วิลล์’ ปิดตำนานนิวเคลียร์ยุคเก่าสหรัฐฯ

    “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฮาร์ตส์วิลล์” ถูกสร้างขึ้นในปี 1977 ใกล้กับเมืองฮาร์ตส์วิลล์ รัฐเทนเนสซี เป็นหนึ่งในโครงการพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักงานกิจการหุบเขาเทนเนสซี (TVA)

    ภายในโรงไฟฟ้ามีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ BWR-6 ของเจเนอรัลอิเล็กทริก จำนวน 4 เครื่อง โดยเครื่องปฏิกรณ์แต่ละเครื่องได้รับการออกแบบให้ทำงานที่ 3,579 เมกะวัตต์ และผลิตกระแสไฟฟ้าสูงสุด 1,233 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเกือบ 5 กิกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับบ้านเรือนเกือบ 4 ล้านหลังคาเรือน ทำให้โรงไฟฟ้าแห่งนี้จะกลายเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของ TVA ที่จะตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 และ 1980 ควบคู่ไปกับโรงไฟฟ้าอื่นๆ ที่วางแผนไว้ เช่น บราวน์สเฟอร์รี เซควอยาห์ วัตต์ส บาร์ เบลล์ฟอนต์ ฟิปส์เบนด์ และเยลโลว์ครีก

    อย่างไรก็ตาม หลังจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่ทรีไมล์ไอส์แลนด์ในปี 1979 ประชาชนเริ่มต่อต้านพลังงานนิวเคลียร์อย่างรุนแรง และโครงการฮาร์ตส์วิลล์ก็ถูกยกเลิกอย่างเป็นทางการในปีเดียวกัน ทิ้งหอหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าให้กลายเป็นอนุสรณ์สถานของเมือง

    คาดว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 13,800 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น ซึ่งหากคิดเป็นค่าเงินในปี 2024 จะอยู่ที่ประมาณ 43,570 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าเงินลงทุนทั้งหมดในระบบไฟฟ้าที่มีอยู่ของ TVA

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน เจ้าหน้าที่ของ TVA ได้ทำลายหอหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าอันโด่งดัง ที่สูงกว่า 164 เมตร โดยใช้วัตถุระเบิดมากกว่า 400 กิโลกรัม เพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับการพัฒนาในอนาคต ซึ่งโครงสร้างทั้งหมดพังทลายลงภายในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ตามรายงานของ BBC

    เจ้าหน้าที่ของ TVA ยังกล่าวอีกว่า พวกเขามุ่งมั่นที่จะกำจัดโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่จำเป็นและสร้างพื้นที่สำหรับการพัฒนาในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประชากรของรัฐเทนเนสซียังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารัฐจะจัดการกับพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโรงไฟฟ้าอย่างไร และจะพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นอะไร แต่มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติหรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก หรือแม้แต่ทั้งสองอย่างรวมกัน ณ พื้นที่ดังกล่าว

    #Economic Times, Fox17 #กรุงเทพธุรกิจ

    อ่านต่อ

ประชาสัมพันธ์

ดูทั้งหมด
  • วิทยุเนชั่น ร่วมกับพันธมิตร สานต่อโครงการ Nation Digital Voice #5

    วิทยุเนชั่น ร่วมกับพันธมิตร สานต่อโครงการ Nation Digital Voice #5

  • วิทยุเนชั่น ร่วมกับพันธมิตร สานต่อโครงการ Nation Digital Voice #5

  • วิทยุเนชั่น ร่วมกับพันธมิตร สานต่อโครงการ Nation Digital Voice #5

  • วิทยุเนชั่น ร่วมกับพันธมิตร สานต่อโครงการ Nation Digital Voice #5

TW-headbar