ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
จุรินทร์ Non-Stop ลุยนำประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจการค้าทั้งอาเซียน อาร์เซ็ป และประเทศคู่เจรจา 6 วันซ้อน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสำคัญในประเทศไทย 3 กลุ่มสำคัญระหว่างวันที่ 5-10 กันยายน 2562 คือ การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ 51 การประชุมรัฐมนตรีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรืออาร์เซ็ป (RCEP) ครั้งที่ 7 และการประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้าอาเซียน 10 ประเทศ กับรัฐมนตรีการค้าของประเทศคู่เจรจา 10 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐฯ แคนาดา และรัสเซีย (แบบแยกรายประเทศ) รวมทั้งการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่กรุงเทพฯ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นประธานการประชุมระดับรัฐมนตรีทั้งอาเซียนและอาร์เซ็ป โดยนายจุรินทร์ กล่าวว่า ในวันที่ 5 กันยายน 2562 ในช่วงค่ำที่โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ จะมีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น.ก่อนจะเข้าสู่พิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ในเวลา 9.00 น.วันที่ 6 กันยายน 2562 ซึ่งนายกรัฐมนตรีประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิด จากนั้นตนจะนั่งเป็นประธานการประชุมตลอดทั้ง 5 วัน สาระที่สำคัญ คือ กำหนดการของวันที่ 7-8 กันยายน 2562 เป็นประธานการประชุมอาร์เซ็ป ที่เราพยายามที่จะให้การเจรจาหุ้นส่วนเศรษฐกิจกลุ่มนี้หาข้อสรุปให้ได้มากที่สุดเพื่อจะนำไปสู่การประชุมครั้งสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน 2562 และตั้งเป้าหมายว่าจะให้การเจรจานี้เป็นที่ยุตินำไปสู่การลงนามในปีหน้า ซึ่งถ้าเป็นไปตามเป้าหมายและมีผลบังคับใช้ จะทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์มากคือมีตลาดการค้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มประเทศที่ประชากรรวมกันร้อยละ 50 ของโลกคือ 3,500 ล้านคน ทั้งนี้ รายงานข่าวกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความใส่ใจการประชุมทั้ง 3 กลุ่มนี้เป็นอย่างมากโดยทำการประชุมเตรียมการร่วมกับข้าราชการระดับสูงและผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดเพื่อการควบคุมการประชุมในฐานะเจ้าภาพและประธานการประชุม 5 วันอย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับการประชุม AEM หรือรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ ถือเป็นการประชุมที่สำคัญมาก โดยการประชุมที่สำคัญคือ 1. การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน (Senior Economic Official Meeting :SEOM) ระหว่างวันที่ 3-5 กันยายน 2562 เพื่อเตรียมการก่อนการประชุมระดับรัฐมนตรี ซึ่งอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม 2. การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ระหว่างวันที่ 5-6 กันยายน 2562 ซึ่งรัฐมนตรีอาเซียน 10 ประเทศ โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย เป็นประธานการประชุม จะร่วมกันหารือสรุปความก้าวหน้าและความสำเร็จการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียนนับตั้งแต่ไทยรับหน้าที่ประธานอาเซียน เพื่อเสนอต่อที่ประชุมผู้นำอาเซียนต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่กรุงเทพฯ 3. การประชุมรัฐมนตรีอาร์เซ็ป 16 ประเทศ ระหว่างวันที่ 7-8 กันยายน 2562 โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทย เป็นประธานการประชุม เพื่อติดตามความคืบหน้าการเจรจา RCEP และปลดล็อคประเด็นติดขัดที่ยังเหลืออยู่ เพื่อกรุยทางให้ผู้นำประกาศสรุปผลการเจรจาในช่วงการประชุมสุดยอดอาร์เซ็ปในเดือนพฤศจิกายนนี้ 4. การประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้าอาเซียน 10 ประเทศ กับรัฐมนตรีการค้าของประเทศคู่เจรจา 10 ประเทศ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหรัฐฯ แคนาดา และรัสเซีย (แบบแยกรายประเทศ) ระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2562 โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นประธานการประชุม ซึ่งจะเป็นโอกาสดีที่อาเซียนจะได้หารือพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับประเทศเหล่านี้ และเตรียมการก่อนที่ผู้นำอาเซียนจะพบกับผู้นำของคู่เจรจา 10 ประเทศ ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่กรุงเทพฯ ในการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะร่วมกันลงนามเอกสารสำคัญ 2 ฉบับ ได้แก่ 1. ข้อตกลงยอมรับร่วม (MRA) ผลการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของยานยนต์และชิ้นส่วนของอาเซียน ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะถ้ายานยนต์และชิ้นส่วนผ่านการตรวจสอบรับรองของหน่วยงานทดสอบมาตรฐานในประเทศสมาชิกอาเซียนหนึ่งแล้ว เมื่อส่งออกไปยังสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ก็ไม่ต้องตรวจสอบซ้ำ เพราะถือว่าได้ยอมรับผลการตรวจสอบนั้นแล้ว และ 2. พิธีสารว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทด้านเศรษฐกิจของอาเซียนฉบับปรับปรุง เพื่อให้กลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียนทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเป็นไปตามหลักการและกระบวนการระงับข้อพิพาทขององค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับอาเซียนหากมีปัญหาหรือข้อพิพาทระหว่างอาเซียน เนื่องจากการใช้มาตรการทางการค้าของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อาเซียนก็จะมีกลไกการหารือแก้ไขข้อพิพาทกันเอง โดยไม่ต้องพึ่งการตัดสินขององค์กรนอกอาเซียน ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ถือเป็นความสำเร็จของไทยในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อาเซียนใช้เวลาเจรจาหาข้อสรุปกันอยู่นานเกือบสิบปี ซึ่งสำเร็จได้ในช่วงที่ไทยเป็นประธานอาเซียนปีนี้