ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
รองนายกรัฐมนตรี”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”มอบนโยบายสศช. หาช่องทางขยับ อันดับศักยภาพในการแข่งขันประเทศไทยดีขึ้นต่ำกว่าอันดับ 20 ในปี 2563 เดินหน้าปรับแผนดันเศรษฐกิจชุมชน สร้างการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัว ผลักดันเครือข่าย 5 จี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมมอบนโยบายผู้บริหารสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หลังจากผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทยจาก IMD ประจำปี 2562 ประเทศไทยอันดับสูงขึ้น 5 อันดับ จากอันดับที่ 30 มาอยู่ที่อันดับ 25 ว่า รัฐบาลต้องการให้รักษาระดับความสามารถในการแข่งขันให้ดีขึ้น โดยเฉพาะไทยได้แซงเกาหลีใต้ซึ่งอยู่อันดับ 26 แต่ยอมรับว่าทุกประเทศมีปัญหาการส่งออกเหมือนกันจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ขณะที่ปัญหา ICAO ให้ใบแดงเรื่องการบินและปัญหา IUU ในช่วงที่ผ่านมาได้แก้ปัญหาจนต่างชาติให้การยอมรับ จึงคาดหวังว่าหากเร่งรัดปฏิรูปหลายด้าน ความสามารถในการแข่งขันของไทยต้องอยู่ต่ำกว่าอันดับ 20 ในปี 2563 ได้
นายสมคิด กล่าวว่า ต้องใช้โอกาสส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน หลังคาดว่าการลงทุนมีโอกาสขยายตัวเพิ่มจากร้อยละ 3.9 เป็นร้อยละ 4.5 การลงทุนภาครัฐมีโอกาสไปได้สูงมาก จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ เพื่อผลักดันให้ขีดความสามารถแข่งขันขยับสูงขึ้นได้ และต้องการให้สศช.ปรับโครงสร้างขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กว้างมากขึ้นเพื่อส่งเสริมไปยังกลุ่มภาคเกษตรและการท่องเที่ยว เมื่อเร่งแก้ปัญหาทุกด้านครอบคลุม ยังเชื่อมั่นว่าไทยจะแข่งขันกับสิงคโปร์ได้หลายด้าน โดยต้องการให้ประชุมหารือกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อยากให้ช่วยกันประคับประคอง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกหลายด้าน ส่งเสริมการค้าชายแดน ผลักดันการท่องเที่ยว เมื่อรัฐบาลได้ลงทุนรถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ เส้นทางคมนาคมครอบคลุม จะทำให้การเดินทางของคนไทยและต่างชาติ ไปยังแหล่งท่องเที่ยวปลายทางในเมืองรองและเมืองหลักได้คล่องตัวขึ้น
นายสมคิด กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเวียดนามได้พัฒนาไปเร็วมาก เมื่ออำนาจซื้อส่วนใหญ่เป็นของรายย่อย จึงต้องหาทางส่งเสริม เพิ่มอำนาจซื้อให้กับรายย่อยในต่างจังหวัด ผ่านการสร้างเศรษฐกิจชุมชน ต้องหาทางส่งเสริมให้ชาวบ้าน ชุมชนเข้มแข็งมากขึ้น เป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลที่ต้องการให้เศรษฐกิจชุมชนเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยอมรับว่าการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับในยุคนี้คงยากขึ้น จึงขอให้ สศช.เป็นเสาหลักสำคัญในการดูแลเศรษฐกิจ ต้องส่งสัญญาณให้รัฐบาลต้องรับฟังการทำนโยบายเศรษฐกิจ รัฐบาลยังต้องการเร่งรัดพัฒนาบุคลากรคุณภาพ รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC ) ด้วยการดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาบุคลากรใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย กำชับกระทรวงต่าง ๆ เสนอของบประมาณลงทุนต้องคัดเลือกให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ต้องพิจารณาตรวจสอบการลงทุนให้รอบคอบ เพื่อคานอำนาจการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ
สำหรับการติดตั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตประชารัฐในทุกชุมชน ต้องผลักดันให้สุดทางเพื่อให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ รองรับการค้า ค้นคว้าหาความรู้ การใช้อินเทอร์เน็ตอำนวยความสะดวกทุกด้าน การผลักดันใช้อินเทอร์เน็ต มีความสำคัญมาก เพราะการเปลี่ยนผ่านระบบเศรษฐกิจของไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล นับเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหลายประเทศปรับเปลี่ยนไปมากแล้ว จีนได้ประกาศเปลี่ยนประเทศไปสู่ 5 จี ไทยจึงต้องเร่งรัดขับเคลื่อนทุกด้านในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะเครือข่าย 5 จี เพื่อรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สศช.กล่าวว่า การสร้างเศรษฐกิจภูมิภาคให้มีมูลค่าเพิ่ม พัฒนาสินค้า สร้างมูลค่าทางการตลาด ต้องสื่อสารกับทุกหน่วยงานไปสู่ภาคปฏิบัติ ทั้งการท่องเที่ยวเมืองรอง สำหรับการปรับประสิทธิภาพของภาครัฐดีขึ้นถึง 4 อันดับ เมื่อได้เร่งแก้ไขปรับกฎระเบียบให้ทันสมัยคล่องตัว ต้องเดินหน้าแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอีกหลายฉบับเพื่ออำนวยความสะดวกกับธุรกิจและส่งเสริมการใช้ดิจิทัลรองรับให้บริการให้รวดเร็วมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการแก้ปัญหาปัจจัยพื้นฐานเชิงโครงสร้างในทุกด้าน และผลักดันต่อไปให้เกิดผลอย่างต่อเนื่องและวงกว้าง เพราะเศรษฐกิจยุคใหม่ ต้องให้ความสำคัญกับ AI การวางนโยบายเศรษฐกิจจากคนรุ่นใหม่ทำงานอยู่ในต่างประเทศที่มีความรู้จึงอยากกลับมาช่วยบริหารประเทศ สำหรับการแก้ปัญหาความยากจน เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ปัญหาได้มากขึ้น เกิดความร่วมมือแบบประชารัฐได้มากขึ้น เมื่อทุกส่วนร่วมกันจะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนคืบหน้าไปมาก