SMART NEWS

ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.

สถานการณ์ในประเทศ

สรท.ปรับคาดการณ์ส่งออกไทยปีนี้เหลือโตร้อยละ 3

views

     สภาผู้ส่งออกทางเรือแห่งประเทศไทย ปรับคาดการณ์ส่งออกทั้งปีจากเดิมคาดไว้จะเติบโตร้อยละ 5 เหลือเติบโตร้อยละ 3 ย้ำยังมีหลายปัจจัยเป็นตัวฉุดให้การส่งออกไทยเติบโตได้น้อย

     น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย( สรท.) เปิดเผยว่า แม้ตัวเลขการส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่กระทรวงพาณิชย์แถลงออกมาว่าเป็นบวกร้อยละ 5.9 หรือมีมูลค่า 21,553.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อลงไปดูเป็นการบวกจากยุทโธปกรณ์ทางทหารในการฝึกซ้อมรบ แต่เมื่อหักส่วนนี้ออกไปตัวเลขส่งออกในเดือนกุมภาพันธ์ยังติดลบถึงร้อยละ 4.9 และยังมองว่าส่งออกในเดือนมีนาคมหากติดลบร้อยละ 4-5 อีกจะส่งผลให้ตัวเลขส่งออกในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ไทยติดลบไม่น้อยกว่าร้อยละ 4-5 หากดูตัวเลขส่งออกสินค้าของไทยในหลายอุตสาหกรรมยังมีอัตราการขยายตัวแต่ไม่มากนัก

     ทั้งนี้ สรท.ขอติดตามสถานการณ์ในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับข้อตกลงของผู้นำทั้ง 2 ประเทศระหว่างสหรัฐกับจีนจะจบลงอย่างไร รวมทั้งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการส่งออกทั่วโลกตอนนี้ คือ ภาพรวมเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงทรุดตัว ปัญหาความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แม้ในช่วงนี้จะออนค่าลงไปบ้าง แต่หากค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ซึ่งที่ผ่านมาเงินบาทของไทยแข็งค่ามากกว่าประเทศคู่แข่งทำให้ความสามารถแข็งขันของไทยลดลงไปมาก

      น.ส.กัณญภัค กล่าวอีกว่า จากที่สรท.คาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะเป็นบวกอยู่ที่ร้อยละ 5 แต่หลายหน่วยงานปรับลดตัวเลขคาดการณ์ส่งออกในปี 2562 ใหม่ โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าส่งออกไทยจะเติบโตได้เพียงร้อยละ 3.1 ดังนั้น ในส่วนของสรท.ขอรอดูเหตุการณ์ต่าง ๆ ก่อนว่าทิศทางตัวเลขการส่งออกที่คาดว่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 ด้วยค่าเงินบาทอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทิศทางสงครามการค้าสหรัฐและจีนมีทางออกที่ดีส่งผลให้เศรษฐกิจโลกกลับมาดีขึ้น แต่หากการส่งออกของไทยยังไม่ดีขึ้น คาดว่าตัวเลขการส่งออกของไทยในปีนี้อาจจะเติบโตแค่ร้อยละ 3 หรืออาจติดลบก็ได้ เพราะหากจะให้ตัวเลขส่งออกเติบโตร้อยละ 5 จะต้องผลักดันส่งออกในช่วง 9 เดือนที่เหลือต่อเดือนไม่ต่ำ 22,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และถ้าเติบโตเพียงร้อยละ 3 จะต้องส่งออกรายเดือน 22,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

     นอกจากนี้ อีกปัจจัยที่ผู้ส่งออกยังกังวลใจ คือ การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ หากบางพรรคการเมืองเคยนำไปหาเสียงไว้ ถ้ากลับมาเป็นรัฐบาลจะพิจารณาค่าจ้างแรงงานใหม่ในอัตราที่สูงขึ้นกว่าปัจจุบันจะเป็นสิ่งที่กระทบเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการทั้งระบบได้ จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ได้พิจารณาถึงผลดีและผลเสียแนวทางเหล่านี้ให้ดีขึ้นก่อนจะประกาศใช้จริงและอีกหลายปัจจัยที่รัฐบาลใหม่จะต้องกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว

TW-headbar