ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
วันนี้(27 มี.ค.)ได้มีพิธีลงนามสัญญาเงินกู้5,200 ล้านบาทเพื่อก่อสร้างโครงการ “นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์”ระยะที่1 ระหว่างกลุ่มบริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม GGC กลุ่มบริษัท เกษตรไทยอินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยโครงการนี้ลงทุนรวม 7,500ล้านบาท นับเป็นไบโอคอมเพล็กซ์และ Bio Hub ครบวงจรแห่งแรกของไทย และนับเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมชีวภาพของประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤษภาคม 2562 และดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2564
นายเสกสรร อาตมางกูร กรรมการผู้จัดการ GGC กล่าวว่า โครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์นี้ แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นโครงการก่อสร้างโรงหีบอ้อย มีกำลังการผลิต 24,000 ตันต่อวัน โครงการก่อสร้างโรงผลิตเอทานอลมีกำลังการผลิต 600,000 ลิตรต่อวัน (หรือราว 186 ล้านลิตรต่อปี) และโรงผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ มีกำลังการผลิตติดตั้งไฟฟ้า 85 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 475 ตันต่อชั่วโมง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการลงทุนต่อยอดการผลิตเคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพในระยะที่ 2 ด้วย โดยในระยะที่ 2 นี้ ได้มีการศึกษา Cellulosic Technology ร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ ซึ่งเป็นการนำชานอ้อยมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ หรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับโครงการดังกล่าว มีการสร้างงานจากโรงงานเอทานอลได้มากกว่า 400 คน สร้างรายได้จากอ้อย สร้างพื้นที่ปลูกอ้อยกว่า 240,000 ไร่ ทดแทนพื้นที่ปลูกข้าว ซึ่งลดปริมาณการใช้น้ำถึง ร้อยละ 30 ด้านสังคม คือ สร้างองค์ความรู้ต่างๆ แก่คนในพื้นที่จากการนำเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่มาใช้ ลดการย้ายถิ่นฐาน และจากที่ส่งเสริมเกษตรกรในการใช้เครื่องจักรในการเก็บเกี่ยว ซึ่งจะช่วยลดฝุ่นควันและมลพิษจากการเผาอ้อยที่เกิดจากการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งสามารถตัดอ้อยได้ถึง 300-400 ตันต่อวันและมีการรับซื้อใบอ้อยจากเกษตรกรสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงและนำผลพลอยได้ไปทำปุ๋ยด้วย