SMART NEWS

ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.

สถานการณ์ในประเทศ

รมว.เกษตรฯให้เร่งขับเคลื่อนมาตรการลด ละ เลิก สารเคมี 3 ชนิด

views

นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า ได้สั่งการนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิดของกระทรวง นำรายละเอียดแผนปฏิบัติงานมาเสนอ โดยเรื่องที่ให้ทำเร่งด่วนคือ การสำรวจปริมาณสารเคมีทั้ง 3 ชนิดทั้งจากผู้นำเข้าและร้านจำหน่ายว่า มีอยู่เท่าไร เนื่องจากยังมีองค์กรต่าง ๆ ผู้ได้รับอนุญาตให้นำเข้าได้นำเข้าเกินกำหนด จึงต้องสำรวจให้เสร็จภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้เพื่อให้กระจ่างต่อสังคม ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดชื่อผู้ครอบครอง รวมทั้งวัน เดือน ปีที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้า โดยการอนุญาตครั้งต่อไปต้องระบุชัดเจนว่า บริษัทใดเคยนำเข้าเท่าไร แล้วจะลดเหลือเท่าไร แผนการควบคุมในพื้นที่ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะไม่ให้มีการจำหน่าย ครอบครองหรือใช้อย่างเด็ดขาด ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรต้องเร่งกำหนดวิธีการฝึกอบรมทั้งผู้จำหน่าย เกษตรกร ลูกจ้างรับฉีดพ่นสารเคมีซึ่งต้องมีหลักสูตรที่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดทราบถึง วิธีการใช้ที่ถูกต้องและปลอดภัย โดยจะให้กรมส่งเสริมการเกษตรซึ่งมีทั้งเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ และมีเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลครอบคลุมทั่วประเทศเข้ามาช่วย รวมถึงใช้ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการเกษตร (ศพก.) ซึ่งมี 882 แห่งในทุกอำเภอและศพก. เครือข่ายอีก 10,000 กว่าแห่งเป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้ อีกทั้งจะประสานกับกระทรวงมหาดไทยในการแต่งตั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่มาสนับสนุน นอกจากนี้กรมวิชาการเกษตรต้องร่วมกับภาควิชาการและภาคเอกชนศึกษาวิจัยหาวิธีการหรือสารอื่นมาทดแทนสารเคมีทั้ง 3 ชนิด สิ่งสำคัญที่ต้องทำทันทีคือ การจัดทำแผนปฏิบัติการเร่งรัดขยายพื้นที่การทำเกษตรปลอดภัยตามมาตรฐาน GAP และ/หรือเกษตรอินทรีย์ให้ครบ 149 ล้านไร่ภายใน 2 ปี โดยคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนของกระทรวงต้องรายงานความคืบหน้าต่อสาธารณชนทุก 3 เดือน ด้านรศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การที่มีผู้กล่าวว่า พบสารพาราควอตตกค้างในผักผลไม้นั้น ไม่น่าจะจริงเนื่องจากหากฉีดพ่นที่ใบพืชโดยตรง ใบจะไหม้ เกษตรกรจึงใช้ฉีดพ่นตอนเตรียมดินก่อนปลูกหรือฉีดพ่นรอบโคนต้นสำหรับพืชไร่ ซึ่งพาราควอตเป็นยาฆ่าหญ้าที่มีประสิทธิภาพดีมาก สลายตัวในสิ่งแวดล้อมได้ดี ราคาประหยัด แต่หากนำมาใช้ในความเข้มข้นสูงจะมีความเป็นพิษสูง ประเทศที่ให้ยกเลิกใช้พารา ควอตระบุว่า เนื่องจากเกรงคนนำไปฆ่าตัวตาย ส่วนประเทศที่ใช้อยู่ได้กำหนดมาตรการความปลอดภัยเช่น การเจือจางก่อนบรรจุขาย ผู้ใช้ต้องฝึกอบรมการใช้อย่างถูกวิธี และจำหน่ายให้เฉพาะผู้ที่อบรมแล้ว หากบีบให้ยกเลิกใช้พาราควอต เกษตรกรต้องไปใช้ยาฆ่าหญ้าชนิดอื่น ซึ่งมีอันตรายเช่นกัน อีกทั้งมีราคาแพงกว่า ทางเกษตรกรจึงเรียกร้องให้ส่งเสริมการใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย รศ.เจษฎา กล่าวว่า ปัญหาขณะนี้คือ ฝ่ายต่าง ๆ ส่วนใหญ่เถียงกันโดยไม่คำนึงเกษตรกร ควรให้เกษตกรซึ่งเป็นผู้ใช้สารเคมีนี้โดยตรงเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องนี้เอง

TW-headbar