
“พลังงานสะอาด” ยังเป็นเทรนด์โลกอยู่ไหม?
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 08:09 น.
17 กันยายน 2568 09:09 น.
16 กันยายน 2568 10:09 น.
สำหนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งทหารไปประจำการตามแนวพรมแดนติดกับเม็กซิโก เพิ่มอีกเกือบ 4,000 นาย เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการสกัดกั้นผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐแถลงว่า จะส่งทหารเพิ่มอีก 3,750 นาย ไปประจำการที่พรมแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับเม็กซิโกเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ป้องกันพรมแดนและเจ้าหน้าที่ศุลกากร ในการสกัดกั้นผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย และการลักลอบขนสินค้าเถื่อน การส่งกำลังทหารไปเสริมนี้ จะทำให้มีทหารประจำการที่พรมแดนติดกับเม็กซิโก รวมทั้งสิ้น 4,350 นาย โดยกระทรวงกลาโหมเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการ หลังจากเมื่อหลายวันก่อน สส. พรรคเดโมแครตระบุว่า จะมีการส่งทหารไปประจำการเพิ่มราว 3,500 นาย โดยทหารเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวน และสร้างรั้วลวดหนาม เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร ขณะที่คาดว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะพูดถึงปัญหาคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย และข้อเสนอให้สร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก ในการแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในวันอังคารนี้ โดยทรัมป์ระบุว่า สถานการณ์ผู้อพยพพยายามข้ามพรมแดนจากเม็กซิโกเข้ามาในสหรัฐถือเป็นวิกฤตการณ์ขั้นร้ายแรง ที่ผ่านมา ทรัมป์เรียกร้องให้มีการบรรจุงบประมาณก่อสร้างกำแพง ในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว แต่พรรคเดโมแครต คัดค้าน ทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่านการเห็นชอบของรัฐสภา นำไปสู่การปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลกลาง 1 ใน 4 เนื่องจากไม่มีงบประมาณใช้จ่าย หรือที่เรียกว่าภาวะชัตดาวน์ อยู่นาน ถึง 35 วัน นานที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐ กระทบลูกจ้างรัฐ 800,000 คน ไม่ได้รับเงินเดือน กระทั่งภาวะชัตดาวน์ยุติลงได้ในวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา หลังจากพรรครีพับลิกันและเดโมแครต สามารถประนีประนอม ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวอีกฉบับ ซึ่งทำให้หน่วยงานรัฐมีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ขู่ว่าหากยังไม่สามารถหาข้อตกลง เพื่ออนุมัติงบประมาณการก่อสร้างกำแพงกั้นพรมแดนได้แล้ว ก็จะเกิดภาวะชัตดาวน์ขึ้นอีกครั้ง หรือไม่ก็เขาอาจจะประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติ เพื่อได้เงินมาสร้างกำแพงโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภา ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสถึงสถานการณ์ในเวเนซุเอลาว่า สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะใช้การแทรงแซงทางทหารเป็นทางเลือกหนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐเพิ่งประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัทน้ำมันของทางการเวเนซุเอลา ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศที่กำลังเผชิญภาวะขาดแคลนเวชภัณฑ์และทุพโภชนาการ ขณะที่ล่าสุด สหภาพยุโรปหรืออียู และออสเตรเลีย ประกาศรับรองนายฮวน ไกวโด ผู้นำฝ่ายค้านเป็นประธานาธิบดีที่ชอบธรรมของเวเนซุเอลา ภายหลังนายมาดูโรไม่ขานรับข้อเรียกร้องของอียูที่ให้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเสรีและเป็นธรรม