สถานการณ์ในประเทศ

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL กล่าวว่า มั่นใจปี 2562 ธุรกิจประกันชีวิตยังเติบโตสอดคล้องกับอัตรการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งปีนี้เมืองไทยประกันชีวิตตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยใหม่เติบโตร้อยละ 26 โดยยังคงรักษาสัดส่วนเบี้ยประกันภัยประเภทคุ้มครองไว้เป็นหลักที่ร้อยละ 63 ส่วนเบี้ยประกันสุขภาพและโรคร้ายแรงตั้งเป้าเติบโตร้อยละ 76 และเบี้ยประกันภัยยูนิตลิงค์กับยูนิเวอร์แซล ไลฟ์ เติบโตร้อยละ 96 ทั้งนี้ ปัจจุบันทิศทางการเติบโตของดิจิทัลมีบทบาทมากขึ้น ดังนั้น ธุรกิจประกันชีวิตต้องปรับตัว โดยการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ถูกต้องและครบวงจรให้กับลูกค้าควบคู่ไปกับการขายแบบประกันออนไลน์ ที่มุ่งขยายช่องทางการเข้าถึงลูกค้าผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น KPlus, Line Pay และ Shopee ตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ (Digital Insurer) ในขณะที่ทิศทางการทำตลาดของช่องทางออนไลน์สามารถพัฒนาและยกระดับไปสู่การนำเสนอขายกรมธรรม์ที่มีความซับซ้อนและเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเป็นกรมธรรม์แบบเข้าใจง่ายเป็นหลัก ซึ่งต้องมีการหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางกฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานต่อไป นายสาระ กล่าวถึงการดำเนนินงานในปี 2562 เมืองไทยประกันชีวิตตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีความโดดเด่นด้านนวัตกรรม (Innovation) พร้อมก้าวเคียงคู่ไปกับลูกค้าในทุกช่วงของชีวิต (Life Stage) ผ่านนโยบาย “MTL Everyday Life Partner” เดินหน้าออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการรูปแบบใหม่ผ่านนวัตกรรมและแนวคิดแบบ Outside In ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการรูปแบบที่มีความเฉพาะตัว (Segment of One) และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น โดยมุ่งเน้นการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน และมุ่งเน้นการปลดล็อคข้อจำกัดในการทำประกันชีวิตและสุขภาพ (Health Revolution) ที่มอบความคุ้มครองและสร้างความอุ่นใจที่มากขึ้น ทั้งแง่การเพิ่มเติมสวัสดิการที่ลูกค้ามีอยู่แล้ว หรือการดูแลในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมมากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงค่าเบี้ยประกันภัยที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ในการดูแลเรื่องสุขภาพของลูกค้าแต่ละคน (Dynamic Pricing)ส่วนผลดำเนินงานปี 2561 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 94,467 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรับใหม่ 22,773 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 71,694 ล้านบาท