SMART NEWS

ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.

สถานการณ์ในประเทศ

ม.หอการค้าเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเป็นเดือนที่ 4

views

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2561 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 มาอยู่ที่ระดับ 79.4 จากเดือนก่อนหน้าที่ 80.5 เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้อำนาจซื้อน้อยลงและราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดทรงตัวระดับต่ำ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงและสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่ยังมีปัญหา จนส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนชะลอลง ทำให้กำลังซื้อปัจจุบันชะลอตัวลง ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งค่าดัชนียังคงอยู่ระดับต่ำกว่าปกติที่ระดับ 100 สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคยังมีความกังวลถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่ยังฟื้นตัวไม่มาก อย่างไรก็ตามเริ่มมีปัจจัยบวกมากขึ้นหลังจากรัฐบาลมีมาตรกรกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival และปัญหาสงครามการค้าเริ่มมีการเจรจากัน ประกอบกับราคาสินค้าเกษตรหลายรายการเริ่มปรับตัวดีขึ้นเช่น ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด และช่วงสิ้นปีประชาชนมีการเฉลิมฉลองตามเทศกาลปีใหม่ รวมทั้งรัฐบาลออกมาตรการช้อปช่วยชาติ และการโอนเงินสดเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลบวกต่อการจับจ่ายเพิ่มขึ้นและการท่องเที่ยวก็มีนักท่องเที่ยวทั้งจีนเริ่มกลับมาและประเทศอื่น ๆ ก็มาเที่ยวไทยมากขึ้น ซึ่งแม้จะมีปัจจัยบวกแต่ไม่ได้มีผลกระทบมากนัก ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงถูกกดดันต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 ส่วนกรณีกระแสว่าจะมีการเลือกตั้งจากเดิมวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ออกไปนั้น โดยรวมเชื่อว่าจะไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของคนทั่วโลกมากนัก เพราะการเลื่อนออกไปจะอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญภายใน 150 วัน หรือจะเลื่อนออกไปในช่วงมีนาคมหรือเมษายน แต่เป็นที่ทราบการจะมีเม็ดเงินในการหาเสียงมากกว่า 30,000-50,000 ล้านบาท โดยเม็ดเงินการหาเสียงเลือกตั้งจะผูกพันกับทิศทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากกิจกรรมการหาเสียง ถ้าเลื่อนการเลือกตั้งออกไปก็จะทำให้เกิดสุญญากาศไตรมาส 1 ทำให้เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงฟื้นตัวช้าออกไปบ้าง สำหรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้ทางหอการค้าไทยมองว่าจะอยู่ในกรอบร้อยละ 4 - 4.5 โดยมีปัจจัยบวกประกอบด้วย การส่งออกที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 5 มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 1 หรือช่วงไตรมาส ที่ 2 ทำให้จะมีเงินลงทุนเข้ามาเร็ว มีการจับจ่ายใช้สอย แต่ยังมีหลายปัจจัยที่ต้องตาม คือ ทางออกสงครามการค้า และสถานการณ์ราคาน้ำมัน เป็นต้น ส่วนผลกระทบจากพายุปาบึก คาดว่าไม่กระทบยาวนานต่อการท่องเที่ยวของภาคใต้ในภาพรวม แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจกระทบระยะสั้นจากการหยุดการเดินทางในช่วง 3-5 วัน มูลค่าความเสียหายน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความยาวนานของพายุที่เกิดขึ้น แต่จะไม่กระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้

TW-headbar