สถานการณ์ในประเทศ

ศาลแขวงกรุงกัวลาลัมเปอร์ มีคำพิพากษาวันนี้ ให้ดำเนินคดีกับนางรอสมาห์ มานซอร์ ภริยาของอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ในข้อหาฟอกเงินรวม 17 กระทง ฐานไม่สามารถชี้แจงที่มาของรายได้ 7 ล้านริงกิต หรือราว 56 ล้านบาท ต่อสำนักงานสรรพากรแห่งชาติได้ โดยจากจำนวนข้อกล่าวหาทั้งหมด มี 4 กระทงซึ่งมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดนานถึง 15 ปี และปรับเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 5 ล้านริงกิต หรือราว 40 ล้านบาท ศาลอนุมัติคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของจำเลย และตั้งเงื่อนไขให้วางหลักทรัพย์ค้ำประกัน 2 ล้านริงกิต หรือราว 16 ล้านบาท พร้อมทั้งสั่งห้ามเดินทางออกจากราชอาณาจักร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมาธิการต่อต้านการคอร์รัปชั่น หรือ เอ็มเอซีซี จับกุมนางรอสมาห์ถึงที่บ้านพัก เมื่อวานนี้(3 ต.ค.61) และเธอยังคงให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาของอัยการ ว่าเงินเหล่านั้นมาจากกองทุนวันเอ็มดีบี ขณะที่การตั้งข้อกล่าวหาของศาลต่อนางรอสมาห์ เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่สามีของเธอคือนายนาจิบ ต้องเดินทางมาขึ้นศาลเพื่อเข้ารับการไต่สวนครั้งใหม่ในคดีใช้อำนาจมิชอบ ในการบริหารจัดการกองทุนเอสอาร์ซี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนย่อยของกองทุนวันเอ็มดีบี โดยอดีตผู้นำมาเลเซียวัย 65 ปี กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาอย่างน้อย 32 กระทง เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน ใช้อำนาจมิชอบ และคอร์รัปชั่น ซึ่งหลายข้อกล่าวหามีระวางโทษสูงสุดคือการจำคุกตลอดชีวิต ด้านข้อมูลจากสำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐ หรือ เอฟบีไอ ระบุว่า นับตั้งแต่กองทุนวันเอ็มดีบีก่อตั้งขึ้นโดยนายนาจิบ เมื่อปี 2552 มีการยักยอกเงินออกไปแล้ว 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 145,800 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ยืนกรานว่าจะพยายามติดตามเงินที่หายไปกลับคืนมาให้ได้ทั้งหมด โดยเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ของเอ็มเอซีซี สามารถยึดสิ่งของฟุ่มเฟือยจากบ้านพักของนายนาจิบและนางรอสมาห์ได้หลายพันรายการ ทั้งนาฬิกาข้อมือหรู กระเป๋าราคาแพง และเครื่องเพชร ตลอดจนเงินสดจำนวนมากหลากหลายสกุลเงิน รวมมูลค่ามากกว่า 266 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8,618.4 ล้านบาท