สถานการณ์ในประเทศ

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 1.18 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 86.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2557 สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 1.6% แม้ทางการสหรัฐรายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ก็ตาม นักวิเคราะห์จากบริษัททิช แคปิตอล แอดไวเซอร์ส กล่าวว่า สถานการณ์น้ำมันของอิหร่านเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนให้น้ำหนักมากที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากใกล้จะถึงเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นกำหนดการที่สหรัฐจะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่าน การส่งออกน้ำมันของอิหร่านได้รับผลกระทบจากการที่ผู้ซื้อน้ำมันพากันลดคำสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่าน หลังจากสหรัฐเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายในวันที่ 4 พ.ย. มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐทำการคว่ำบาตร โดยผลการสำรวจพบว่า การผลิตน้ำมันของอิหร่านลดลง 100,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน จะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงราว 600,000-1,500,000 บาร์เรล ทั้งนี้ วันที่ 4 พ.ย.ถือเป็นวันครบกำหนด 180 วันนับจากวันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. และจะทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ กระแสคาดการณ์เกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเมื่อคืน แม้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ย. มากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์สำรวจของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลทส์ คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.76 ล้านบาร์เรล EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 459,000 บาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเพิ่มขึ้น 1.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล