สถานการณ์ต่างประเทศ

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐ หรือ เอสอีซี ออกแถลงการณ์ เมื่อวานนี้ ( 29 ก.ย.) เรื่องการบรรลุข้อตกลงประนีประนอมยอมความนอกศาลกับบริษัท เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของอเมริกา และนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารสูงสุดของ เทสลา โดยเทสลาและมัสก์ต้องชำระค่าปรับให้แก่เอสอีซีเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นฝ่ายละ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ราว 648 ล้านบาท นอกจากนั้น มัสก์ต้องลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัทภายใน 45 วัน และต้องเว้นวรรค จากตำแหน่งดังกล่าว "อย่างน้อย 3 ปี" โดยตราบใดที่มัสก์ยังไม่สามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งนี้ได้ คณะผู้บริหารของเทสลาต้องแต่งตั้ง "ประธานอิสระ" ให้ปฏิบัติหน้าที่แทน และยังต้องมี "ผู้บริหารอิสระ" อีก 2 คนด้วย อย่างไรก็ตาม มัสก์จะยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานคณะ เจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ ของเทสลาต่อไป โดยพฤติกรรมการใช้ทวิตเตอร์ของมัสก์ "ต้องเป็นไปอย่างเคร่งครัด" ตามระเบียบปฏิบัติด้านการสื่อสารองค์กรของเทสลา ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังเอสอีซียื่นคำร้องต่อศาลแขวงรัฐบาลกลางเขตแมนฮัตตัน ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีกับมัสก์ฐานฉ้อโกงหลักทรัพย์ จากการ ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เตรียมนำเทสลาออกจากวอลล์สตรีท ด้วยการซื้อหุ้นคืน ในราคาหุ้นละ 420 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมัสก์กล่าวด้วยว่าบริษัทสำรองบประมาณไว้เพียงพอ เพื่อการนี้ ซึ่งอาจสูงถึง 72,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ราคาหุ้นของเทสลาพุ่งทะยาน แต่อีก 2 สัปดาห์ต่อมา มัสก์ประกาศว่าเทสลาจะยังคงเป็นบริษัทมหาชนต่อไป ซึ่งเอสอีซี มองว่าเป็นเจตนาเผยแพร่"ข้อมูลเพื่อชักนำให้ผู้รับสารเข้าใจไปในทางที่ผิด" และเข้าข่าย "ปั่นหุ้น" ผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ยังต้องรอการอนุมัติจากศาล เพื่อให้มีผลอย่างเป็นทางการ แต่ถือได้ว่าเป็น "บทเรียนราคามหาศาล" สำหรับมัสก์ อย่างแท้จริง และน่าจะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศกดดันให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้บ้าง ด้านเทสลาและมัสก์ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหาของเอสอีซี