ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
ศาลอาญารัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ , พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553 , พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ดีเอสไอ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิด ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 , 90 , 157 , 200 กรณีระหว่างเดือน ก.ค.2554-13 ธ.ค.2555 ดีเอสไอสรุปสำนวนดำเนินคดี นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและเล็งเห็นผล กรณีออกคำสั่ง ศอฉ. ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 โดยโจทก์เห็นว่า การแจ้งข้อหาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และ ดีเอสไอไม่มีอำนาจ เพราะต้องเป็นการวินิจฉัยของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เท่านั้น จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาล พิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย วันนี้ จำเลยทั้งสี่ ซึ่งได้รับการประกันตัว เดินทางไปศาลทั้งหมด ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่าย นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พยานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักน้อย ซึ่งเป็นเพียงพยานแวดล้อมและความเห็นทางกฎหมาย จึงยังไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะนำสืบให้เห็นว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 จงใจกลั่นแกล้งโจทก์ ซึ่งในการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินการในรูปของคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ มีจำเลยที่ 2-4 และอัยการเข้าร่วมในนามคณะทำงาน โดยแต่งตั้งขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งไต่สวนการตายของ นายพัน คำกอง ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ คณะกรรมการไม่มีอำนาจสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา ต้องส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาต่อ พยานหลักฐานโจทก์ ยังไม่พอฟังว่าจำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง ภายหลังฟังคำพิพากษา นายธาริต ได้ยกมือไหว้สื่อมวลชน และเดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ คดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสี่ เป็นไปตามพยานหลักฐาน และตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งพยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสี่มีเจตนาบิดเบือนแจ้งข้อกล่าวหา หรือกลั่นแกล้งโจทก์ ขณะที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ยื่นฎีกา ศาลฎีการับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากมีเหตุผลให้เชื่อได้ว่า จำเลยทั้งสี่ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ อาจเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 200 จึงดำเนินกระบวนการพิจารณาสืบพยานทั้ง 2 ฝ่าย จนแล้วเสร็จ ก่อนจะมีคำพิพากษาให้ยกฟ้องนายธาริตกับพวกดังกล่าว