สถานการณ์ในประเทศ

นายยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล ที่ปรึกษาสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย นำสมาชิกกองทุน ฟื้นฟูเพื่อพัฒนาเกษตรกร หรือ กฟก. กว่า 200 ราย เข้าพบนายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกร้องให้ช่วยแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกินจาก หลักเกณฑ์ของกองทุนฟื้นฟู โดยมีหนี้เกิน 2.5 ล้านบาทต่อราย เป็นหนี้นอกภาคการเกษตร รวมถึงเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในธนาคารของรัฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า เกษตรกรกลุ่มนี้มายื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ ขอให้แก้ไขการรับขึ้นทะเบียนหนี้สินกับ กฟก. ซึ่งมีรายละเอียดมากเกินไป เป็นภาระของเกษตรกรในการเตรียมเอกสารซึ่งมีมากกว่า 15 ชุด โดยประเด็นนี้มอบหมาย ให้เลขาธิการ กฟก.ไปปรับระเบียบการขึ้นทะเบียนในการปรับลดการใช้เอกสารยืนยัน รวมถึง ลดขั้นตอนต่าง ๆ ลง นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้นำปัญหาหนี้สินที่เกษตรกรกลุ่มนี้ เป็นหนี้ธนาคารรัฐอื่น ๆ เช่น ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ นำเข้าสู่การพิจารณาของ คณะรัฐมนตรี ไปพร้อมกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ในคราวเดียวกัน ซึ่งตนเองไม่รับข้อเรียกร้องนี้ เนื่องจาก ต้องรอแนวทางการแก้ปัญหาหนี้สินของ ธ.ก.ส. ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ก่อน เมื่อ ครม. พิจารณาแล้ว จึงจะนำมาเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกหนี้ธนาคารรัฐอื่น ๆ โดยกลุ่มเกษตรกรมีความกังวลว่าจะล่าช้า ตนเองยืนยันว่าไม่ล่าช้า และจะทำให้เสร็จก่อน อายุการทำงานคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจที่มีระยะเวลาทำงาน 180 วัน ซึ่งจะครบ กำหนดวันที่ 2 พ.ย.นี้ ส่วนข้อเรียกร้องให้ กฟก.เข้าบริหารจัดการซื้อหนี้เกษตรกรที่เกิน 2.5 ล้านบาทนั้น คณะ กรรมการ กฟก.เฉพาะกิจ ไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เนื่องจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เข้ามาตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของ กฟก.และตีความว่าจะซื้อหนี้ได้เฉพาะหนี้ที่เกิดจาก ภาคการเกษตรเท่านั้น จึงให้ตั้งตัวแทน 4 ฝ่ายมาหารือในประเด็นนี้ ได้แก่ เจ้าหนี้, เกษตรกร ลูกหนี้,กฟก.และผู้แทนกระทรวงเกษตร ซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล จะให้ กฟก.ซื้อหนี้ แบบยกเข่งทั้งหมด 1,200 ล้านบาท ไม่สามารถทำได้ รวมทั้ง ต้องดูข้อกฎหมายว่าจะปรับ โครงสร้างหนี้ได้หรือไม่ เพราะส่วนใหญ่เป็นหนี้นอกภาคการเกษตร