สถานการณ์ต่างประเทศ

คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของอินโดนีเซีย ประกาศวันนี้ เริ่มแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งทั่วไปอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 17 เม.ย.ปีหน้า มีจำนวนผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน 186 ล้านคน จากจำนวนประชากรทั้งประเทศกว่า 260 ล้านคน โดยถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอินโดนีเซีย ที่จะเป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกรัฐสภาพร้อมกัน ซึ่งการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา แบ่งเป็น 560 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร และ 132 ที่นั่งในวุฒิสภา สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นการแข่งขัน ที่ทั้งในและต่างประเทศจับตามากที่สุด มีผู้สมัครเพียง 2 คนเท่านั้น คือ ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด จากพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย-การต่อสู้ (พีดีไอ-พี) พรรครัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ ส่วนคู่แข่ง คือ พล.ท.ปราโบโว ซูเบียนโต จากพรรคขบวนการอินโดนีเซียยิ่งใหญ่ (เกอรินทรา) ซึ่งเป็นพรรคแกนนำฝ่ายค้าน พล.ท.ซูเบียนโต วัย 66 ปี เคยพ่ายแพ้ให้นายวิโดโด วัย 57 ปี ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2557 ด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 46.85 ต่อ 53.15% แต่ทั้งสองเปลี่ยนคู่หู่ลงสมัครในตำแหน่ง รองประธานาธิบดี โดยนายซันเดียกา ยูโน อดีตรองผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา วัย 49 ปี ลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี คู่กับ พล.ท. ซูเบียนโต ส่วนวิโดโด ได้นายมารุฟ อามิน วัย 75 ปี ประธานสภาอูลามาอ์ องค์กรนักการศาสนาขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ลงสมัครคู่ หลายฝ่ายมองเป็นกลยุทธ์เรียกคะแนนจากบรรดาผู้นำทางศาสนา ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการตัดสินใจของชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ แม้ผลสำรวจความคิดเห็นจากทุกสำนัก เชื่อว่า ปธน.วิโดโด จะเป็นฝ่ายชนะ และอยู่ในตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน แต่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก และค่าเงินรูเปียห์ทรุดหนักที่สุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อ ปธน.วิโดโด มากขึ้น ว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา วิโดโดบริหารนโยบายเศรษฐกิจถูกต้องแล้วหรือไม่