ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 4)” สำรวจระหว่างวันที่ 17-18 กันยายน จากประชาชนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ 1,251 หน่วยตัวอย่าง พบว่า พรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.63 ระบุ พรรคการเมืองใหม่ ๆ เพราะอยากเห็นคนใหม่ ๆ นโยบายใหม่ ๆ แนวคิดใหม่ ๆ เข้ามาบริหารและพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น และบางส่วนระบุว่า เบื่อการบริหารงานของพรรคการเมืองพรรคเก่า ขณะที่ร้อยละ 37.49 อยากได้พรรคการเมืองเก่า เพราะมีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ บริหารงานดีอยู่แล้ว การทำงานมีระบบ เคยเห็นผลงานมาแล้ว มั่นใจในผลงาน รู้จัก คุ้นเคยกับประชาชนเป็นอย่างดี เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าพรรคการเมืองใหม่ สำหรับบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (10 อันดับแรก) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 29.66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 2 ร้อยละ 17.51 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 3 ร้อยละ 13.83 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) ตามมาเป็นอันดับ 4 ร้อยละ 10.71 อันดับ 5 ร้อยละ 5.28 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย) และพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) ในสัดส่วนที่เท่ากัน ตามด้วย นายชวน หลีกภัย (อดีตนายกรัฐมนตรี) หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล (หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย) นายวิษณุ เครืองาม (รองนายกรัฐมนตรี) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาชาติ) และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ (พรรครวมพลังประชาชาติไทย) ในสัดส่วนที่เท่ากัน ส่วนพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากให้ได้คะแนนเสียงมากที่สุด และเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล (10 อันดับแรก) อันดับ 1 ร้อยละ 28.78 พรรคเพื่อไทย อันดับ 2 ร้อยละ 20.62 พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ตามเป็นอันดับ 3 ร้อยละ 19.58 อันดับ 4 ร้อยละ 15.51 พรรคอนาคตใหม่ อันดับ 5 ร้อยละ 4.16 พรรคเสรีรวมไทย รองลงมา พรรคประชาชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคพลังชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชนปฏิรูป ด้านปัจจัยสำคัญที่สุดที่ใช้ในการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.80 ระบุ เป็นบุคคลที่มีผลงานประจักษ์ ทำประโยชน์ในพื้นที่หรือต่อประเทศไทย ร้อยละ 22.54 ชอบพรรค/นโยบายของพรรค ที่ผู้สมัครสังกัด ตามด้วย ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว (เช่น บุคลิก หน้าตา ท่าทาง มีแนวคิดคล้ายตนเอง เป็นคนบ้านเดียวกัน) ส.ส.หน้าใหม่ อดีต ส.ส. หรือนักการเมืองในพื้นที่ หรือญาตินักการเมืองเดิมในพื้นที่ ปัญหาที่อยากให้นายกคนต่อไปเข้ามาแก้ไขมากที่สุด ส่วนใหญ่ ร้อยละ 41.81 ปัญหาปากท้องและหนี้สินของประชาชน ร้อยละ 25.42 ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ตามด้วย ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจโดยมิชอบ ผู้มีอิทธิพล การควบคุมราคาสินค้า ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม มิจฉาชีพ ปัญหาการว่างงานและแรงงานนอก ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.76 ยังไม่เชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้ง ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยไม่เลื่อนออกไปอีก เพราะยังไม่มีความพร้อม ไม่ชัดเจนในหลาย ๆ เรื่อง สถานการณ์บ้านเมืองยังไม่ปกติ ขณะที่ ร้อยละ 45.16 เชื่อมั่น เพราะสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ เป็นไปตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้ และเชื่อมั่นในความสามารถและความพร้อมของรัฐบาล