สถานการณ์ต่างประเทศ

จากเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายอย่างน้อย 4 คน พร้อมอาวุธครบมือ บุกกราดยิงในงานพาเหรดของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน (ไออาร์จีซี) ในเมืองอาห์วาซ จังหวัดคูเซสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอิหร่าน ใกล้พรมแดนอิรัก เมื่อวันเสาร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 29 คน ครึ่งหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของไออาร์จีซี และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 70 คน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการสูญเสียกำลังพลของไออาร์จีซีมากที่สุดในคราวเดียว ซึ่งไอาร์จีซียืนยันว่า เจ้าหน้าที่สามารถวิสามัญคนร้ายได้ทั้งหมด อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ระบุว่า เป็นอาชญากรรมที่ยังคงเป็นการสมคบคิดและร่วมกันลงมือก่อเหตุโดยรัฐหุ่นเชิดของสหรัฐ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งไม่เคยลดละความพยายามในการทำลายเสถียรภาพของอิหร่าน พร้อมกำชับให้หน่วยงานด้านความมั่นคงทุกแห่งร่วมกันติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมารับโทษโดยเร็วที่สุด ด้านประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ชี้ว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการก่อการร้าย และอิหร่านไม่ลังเลที่จะบดขยี้ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ส่วนนายโมฮัมหมัด จาวาด ซารีฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายได้รับการจ้างวาน ฝึกฝน ติดอาวุธ และสนับสนุนด้านการเงินโดยรัฐบาลต่างชาติ แม้รัฐบาลเตหะรานไม่ได้พาดพิงประเทศใดอย่างตรงไปตรงมา แต่สำนักข่าวแห่งชาติของอิหร่าน รายงาน หลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงการต่างประเทศ เชิญเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และอุปทูตสหราชอาณาจักรเข้าพบเพื่อหารือ ต่อการที่ทั้งสามประเทศเป็นสถานที่พักพิงให้แก่สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายบางคน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ และเรียกร้องให้ส่งตัวมาดำเนินคดีใ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุกราดยิงที่งานพาเหรดของไออาร์จีซี เช่นเดียวกับฝรั่งเศส และพันธมิตรของอิหร่าน ทั้งรัสเซีย ซีเรีย และกลุ่มฮิซบอลเลาะะห์ ส่วนอิสราเอลและซาอุดีอาระเบียยังสงวนท่าที แม้ต่อมากลุ่มไอเอสออกแถลงการณ์อ้างเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ยังไม่มีหลกฐานเชื่อมโยงอย่างชัดเจน