สถานการณ์ในประเทศ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ระบายน้ำจาก อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เข้าไปพักไว้ในพื้นที่ลุ่มต่ำ 12 ทุ่งลุ่มเจ้าพระยาแล้ว เช่นเดียวกับ ทางตอนบนที่ปล่อยน้ำเข้าทุ่งบางระกำ เพื่อพร่องน้ำในระบบ ทำให้มีพื้นที่รองรับปริมาณฝน ที่อาจตกชุกในช่วงปลายฤดู โดยมั่นใจว่าปีนี้จะไม่มีสถานการณ์น้ำหลากหรือน้ำท่วม ภาคกลางแน่นอน สำหรับข้อกังวลว่าจะมีฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุช่วงเดือน ก.ย.- ต.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าปีนี้อากาศหนาวจากจีนจะมาเร็ว ดังนั้นโอกาสที่ภาคกลาง จะได้รับผลกระทบจากพายุช่วงนี้จึงมีไม่มากนัก โดยระลอกแรกรัฐบาลมีแผนทยอยนำน้ำเข้าทุ่งร้อยละ 30 -50 ของศักยภาพการรับน้ำ อ่างเก็บน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ หากปลายฤดูมีฝนตกชุก จะยังมีพื้นที่รับน้ำ ได้อีกมาก ประชาชนจึงหมดกังวลเรื่องน้ำเหนือจากแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านหลากได้ ขณะที่ลุ่มน้ำยมแม้ไม่มีเขื่อน แต่ทุ่งบางระกำสามารถรับน้ำได้ 550 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้มีน้ำนอนทุ่งอยู่ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงยังรับน้ำได้อีกมาก ถ้ามีฝนตกชุก จะทำให้น้ำที่ไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยามีไม่มากเท่าปีก่อน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ ลุ่มต่ำท้ายเขื่อนตั้งแต่ จ.ชัยนาท ถึง จ.พระนครศรีอยุธยา อย่างไรก็ตาม บริเวณพื้นที่ทุ่งโพธิ์พระยา จ. สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นทุ่งที่ต่ำที่สุดเกษตรกร จะปลูกข้าวล่าช้ากว่าทุ่งอื่น 15 วัน เพราะระบายน้ำออกหมดเป็นทุ่งสุดท้าย แต่พร้อม จะรับน้ำหลาก หลังเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งที่ผ่านมา เกษตรกรรู้สึกพึงพอใจ การปล่อยน้ำเข้าทุ่งมาก นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี รับทราบว่าสัปดาห์หน้า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะนำพันธุ์ปลาและกุ้งไปปล่อยที่ทุ่งบางระกำ เพื่อให้เกษตรกรจับขายเป็นรายได้เสริม และให้กรมประมง และองค์การสะพานปลาเข้าไปช่วยส่งเสริมเรื่องการแปรรูปและ หาตลาดให้ โดยจะดำเนินการแบบเดียวกันนี้กับ 12 ทุ่งลุ่มเจ้าพระยาด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี พอใจและขอให้ทำตามแผนที่วางไว้ให้สำเร็จ