สถานการณ์ในประเทศ

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการให้ กทม. จังหวัดต่างๆ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดระเบียบการให้อาหารนกในพื้นที่สาธารณะ หลังได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชน ถึงปัญหาการปล่อยปละละเลยมีการให้อาหารนกเป็นประจำ จนจำนวนนกเพิ่มมากขึ้น สร้างความรำคาญ และเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ว่า ปัจจุบันสวนสาธารณะ กทม.37 แห่ง ได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือประชาชนงดให้อาหารนกพิราบ เพื่อป้องกัน เหตุเดือดร้อนรำคาญ และช่วยดูแลสุขภาพอนามัยแก่ผู้ใช้บริการสวนสาธารณะ ซึ่งอาจ ได้รับเชื้อราจากมูลนกพิราบ เสี่ยงทำให้เป็นโรคปอดอักเสบ นอกจากนี้ ยังกำชับให้ เจ้าหน้าที่ออกตรวจตราพื้นที่ หากพบการให้อาหารนกพิราบ ให้ตักเตือน และห้ามปราม และประสานกับสำนักอนามัยให้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการตรวจสอบจำนวนนก หากพบว่ามีจำนวนมาก จะจับนำไปปล่อยยังแหล่งธรรมชาติต่อไป ด้านนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม.เคยดำเนินการ จับนกพิราบออกจากสนามหลวงเพื่อควบคุมโรค และเป็นการจัดการระบบสาธารณสุข ซึ่งเชื้อโรคที่ติดมากับนกพิราบหลายชนิดถือเป็นอันตรายต่อประชาชน โดย กทม.ได้จับ นกพิราบทั้งหมดมาถ่ายพยาธิและฆ่าเชื้อรา-ไรต่างๆ จนหมด ก่อนส่งไปกักที่ปลายทาง ในระบบปิด พร้อมแยกเพศ เพื่อไม่ให้มีการแพร่พันธุ์เพิ่ม แต่แนวทางแก้ไขปัญหาให้เกิด ผลสำเร็จ คือ การงดให้อาหารนกพิราบ ซึ่งต้องขอความร่วมมือประชาชนงดให้อาหารนกพิราบ ในพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ต่างๆ เช่น วัด บริเวณบ้าน ทั้งนี้ การให้อาหารนกพิราบในพื้นที่สาธารณะ ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 แล ะพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ที่ห้ามไม่ให้มีการให้อาหารสัตว์ในที่สาธารณะ หากพบฝ่าฝืนจะมีความผิด ตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขฯ กรณีฝ่าฝืนให้เกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญ มีโทษ จำคุก 3 เดือน ปรับ 25,000 บาท และพ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ มีโทษจับปรับไม่เกิน 2,000 บาท