ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย?” จากความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,253 คน ระหว่างวันที่ 11-12 ก.ย. พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 65.60 ไม่ได้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสิทธิจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขณะที่ร้อยละ 34.40 ลงทะเบียน ด้านความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับการเพิ่มเงินช่วยเหลือแก่ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถเบิกเป็นเงินสดเพื่อนำไปชำระค่าบริการอื่น ๆ ได้ ร้อยละ 80.84 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะได้นำเงินมาใช้จ่ายในส่วนอื่นที่ไม่สามารถใช้บัตรสวัสดิการซื้อได้ มีเพียงร้อยละ 17.80 ที่ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด สามารถแก้ได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้น ส่วนการเพิ่มเงินช่วยเหลือแก่ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ในระดับใด ร้อยละ 12.53 ระบุสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้มาก ร้อยละ 32.08 ระบุว่า สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ค่อนข้างมาก ขณะที่ร้อยละ 25.30 ระบุว่า สามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ค่อนข้างน้อย ส่วนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะสามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ ระหว่างคนรวย/คนจน ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ได้หรือไม่ ร้อยละ 68.08 ระบุว่า ไม่สามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ ช่วยเหลือได้เพียงเฉพาะหน้าเท่านั้น มีเพียงร้อยละ 28.89 ที่ระบุว่า สามารถลดปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ เพราะ เป็นแนวทางการแก้ปัญหาที่คนจนได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และทำให้ปัญหาความยากจนลดลง สำหรับข้อเสนอให้รัฐบาลเพิ่มสวัสดิการในด้านใดบ้าง 5 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 47.73 ค่ารักษาพยาบาล อันดับ 2 ร้อยละ 38.71 การช่วยเหลืออาชีพด้านเกษตรกรรม อันดับ 3 ร้อยละ 36.31 เงินส่งเสริมผู้สูงอายุ/ผู้เกษียณอายุ อันดับ 4 ร้อยละ 25.94 ช่วยเหลือการสร้างอาชีพ และอันดับ 5 ร้อยละ 23.78 ค่าการศึกษา/ค่าเล่าเรียน/ทุนการศึกษาบุตร เมื่อถามว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแตกต่างจากนโยบายประชานิยมหรือไม่ ร้อยละ 66 ระบุว่า ไม่แตกต่าง เพราะมีแนวทางในการแก้ไข ช่วยเหลือปัญหาความยากจนเหมือนกัน แค่ใช้ชื่อเรียกที่ต่างกัน มีเพียงร้อยละ 24.02 ที่ระบุว่าแตกต่าง เพราะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยเพียงอย่างเดียว