สถานการณ์ในประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ 26,145.99 จุด เพิ่มขึ้น 147.07 จุด หรือ +0.57% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,013.71 จุด เพิ่มขึ้น 59.48 จุด หรือ +0.75% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,904.18 จุด เพิ่มขึ้น 15.26 จุด หรือ +0.53% ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคักเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางปัจจัยบวกต่างๆที่ช่วยหนุนตลาด ซึ่งรวมถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยวานนี้ว่า จีนยินดีตอบรับคำเชิญของสหรัฐเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ เพราะความขัดแย้งทางการค้าที่ลุกลามออกไปจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อฝ่ายใด ส่งผลหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับ โดยหุ้นโบอิ้ง เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขึ้น 0.9% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดีดขึ้น 1.2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก และหุ้นอีตัน คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.8% เช่นกัน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นอัลฟาเบท ขึ้น 0.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ขึ้น 1.1% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 4.5% หุ้นอินเทล ปรับตัวขึ้น 1.4% หุ้นควอลคอมม์ ผู้จำหน่ายชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 4% หลังประกาศแผนซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนในวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มบริษัทที่จำหน่ายวัสดุซ่อมแซมบ้านและการก่อสร้างปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน "ฟลอเรนซ์" ลดระดับความรุนแรงลงสู่ระดับ 2 หลังจากที่พัดเข้าชายฝั่งรัฐนอร์ธแคโรไลนาเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3%