สถานการณ์ต่างประเทศ

นายทิม คุ้ก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ บริษัท แอปเปิล ขึ้นกล่าวบนเวที ณ สตีฟจ๊อบเธียเตอร์ ภายในแอปเปิลพาร์ค เมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในงานแถลงข่าวใหญ่ประจำปี แอปเปิล สเปเชียล อีเวนท์ เปิดตัวแอปเปิล วอช ซีรีส์ 4 (Apple Watch Series 4) ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด จอใหญ่ กว่าเดิม 30% แต่ตัวเรือนมีขนาดเล็กและบางลง อินเตอร์เฟซใหม่ ซึ่งความสามารถของระบบปฏิบัติการ watch OS 5 เพิ่มฟีเจอร์การทำงานทั้งด้านสื่อสาร ฟิตเนสและสุขภาพ โดยเฉพาะอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวและไจโรสโคปแบบใหม่ มีคุณสมบัติตรวจการจับการล้มระดับรุนแรง รวมทั้งมีเซ็นเซอร์ วัดหัวใจแบบไฟฟ้า สามารถวัดคลื่นหัวใจ หรือ ECG ได้เป็นครั้งแรก เปิดให้สั่งซื้อวันที่ 14 กันยายนนี้ ใน 26 ประเทศ และจะเริ่มวางจำหน่ายในร้านตั้งแต่ 21 กันยายน รุ่น จีพีเอส ราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐ รุ่นเซลลูลาร์ 499 ดอลลาร์สหรัฐ จากนั้น เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ พร้อมกัน 3 รุ่น คือ iPhone Xs (ไอโฟน เทนเอส) iPhone Xs Max (ไอโฟน เทนเอส แม็กซ์) และ iPhone Xr (ไอโฟน เทนอาร์) ซึ่งเป็น iPhone ที่ล้ำสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมา ใช้ชิพ A12 Bionic โดย iPhone XS ขนาด 5.8 นิ้ว และ iPhone XS Max ขนาด 6.5 นิ้ว จอภาพ Super Retina ระบบกล้องคู่ที่ดียิ่งขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น เด่นด้านการถ่ายรูปและวิดีโอ ชิพ A12 Bionic ซึ่งเป็นชิพแบบ 7 นาโนเมตรตัวแรกในสมาร์ทโฟน พร้อม Neural Engine ระบบ. Face ID หรือวิธีปลดล็อกตัวเครื่องด้วยใบหน้า ทำงานได้เร็วขึ้น ระบบเสียงสเตอริโอ นอกจากสี เทา สีเงิน ยังมีสีใหม่คือ สีทอง มาพร้อมซิมคู่เป็นครั้งแรกสำหรับ iPhone แต่รุ่นซิมคู่จะวางจำหน่ายในประเทศจีน โดย iPhone XS (ไอโฟน เทนเอส) ราคาเริ่มต้น 999 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 32,000 บาท) และ iPhone XS Max (ไอโฟน เทนเอส แม็กซ์) ราคาเริ่มต้น 1,099 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 36,000 บาท) จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์นี้ และเริ่มวางจำหน่ายในร้านตั้งแต่วันศุกร์ที่ 21 กันยายน ด้วยความจุ 64 ,256 และ 512 GB ส่วน iPhone XR (ไอโฟน เท็นอาร์) จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม และเริ่มวางจำหน่ายในร้าน ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม ราคา 749 ดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 24,000 บาท)