สถานการณ์ในประเทศ

สัญญาน้ำมันดิบ เวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.12 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.6% ปิดที่ 70.37 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 79.74 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สัญญาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นหลังจาก หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ ลดลง 5.3 ล้านบาร์เรลในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุด วันที่ 7 ก.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ว่าจะลดลงเพียง 800,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซิน ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 6.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนยังจับตาพายุเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ ซึ่งจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งผู้ว่าการรัฐ นอร์ธ แคโรไลนา สั่งอพยพประชาชนกว่าล้านคนออกจากชายฝั่ง โดยเฮอร์ริเคนฟลอเรนซ์ อาจทำให้เกิดสตรอม เซิร์จ ซึ่งเป็นคลื่นขนาดใหญ่สูงถึง 20 ฟุตชายฝั่งของทั้งรัฐนอร์ธ แคโรไลนา และเซาธ์ แคโรไลนา อีกทั้งยังจะทำให้เกิดฝนตกปริมาณ 20-40 นิ้ว และทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่น ที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายตลาดน้ำมัน กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงาน ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 490,000 บาร์เรล/วัน สู่ 98.9 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือนส.ค. ด้านการผลิตน้ำมันของโอเปกเพิ่มขึ้น 278,000 บาร์เรล/วัน สู่ 32.56 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ส.ค.