สถานการณ์ในประเทศ

ศาลอาญา มีคำพิพากษาให้จำคุก น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน อายุ 31 ปี กรรมการบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำกัด จำเลยที่ 2 รวม 871 กระทง ๆ ละ 5 ปี รวม 4,355 ปี และปรับ 20,000 บาท ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และร่วมกันจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมฉลาก โดยแสดงฉลากไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นความผิดตาม พระราชบัญัติอาหาร พ.ศ.2522 แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงตามกฎหมายแล้ว ให้จำคุกสูงสุด 20 ปี และให้ปรับบริษัท เวลท์เอเวอร์ จำเลยที่ 1 ด้วย เป็นเงิน 435 ล้าน 5 แสน 20,000 บาท นอกจากนี้ ยังให้จำคุก น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ อายุ 36 ปี หญิงคนสนิทและเลขานุการส่วนตัวของซินแสโชกุน จำเลยที่ 5 , นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ ดัคกอร์ อายุ 36 ปี จำเลยที่ 8 รวมคนละ 871 กระทง เป็นเวลา 4,355 ปี แต่ตามกฎหมายแล้วให้จำคุกสูงสุด 20 ปี เช่นกัน คดีนี้สืบเนื่องจาก ช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย.2560 พวกจำเลย ชักชวนให้ผู้เสียหายเข้าเป็นสมาชิกบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริม โดยให้สมาชิกชำระเงิน 9,700 บาทต่อคน แล้วจะได้อาหารเสริม 2 กระปุก พร้อมอ้างว่ามีสิทธิได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง แต่กลับถูกลอยแพที่ท่ากาศยานสุวรรณภูมิ พบมูลค่าความเสียหายราว 50 ล้านบาท โดยอัยการยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมดเมื่อ 6 ก.ค.2560 ศาลยังสั่งให้จำเลยที่ 1,2,5 และ 8 ชดใช้เงินคืนให้ผู้เสียหาย รวม 871 คน พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินต้น สำหรับผู้เสียหายแต่ละราย นับแต่วันฟ้อง (6 ก.ค.2560) จนกว่าจะชำระเสร็จด้วยมูลค่าประมาณ 51 ล้านบาท และให้ยกฟ้องจำเลย 6 ราย คือ จำเลยที่ 3,4,6,7,9 และ 10 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นญาติ และเลขานุการ ของซินแสโชกุน นำโดย นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ จันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ แม่ เนื่องจากพยานหลักฐานของอัยการโจทก์ที่นำสืบ ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้ง 6 คน มีส่วนร่วมในการชักชวนสมาชิกให้มาร่วมลงทุน กับจำเลยที่ 2 ซึ่งจะได้รับการปล่อยตัวจากทัณฑสถาน และเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนซินแสโชกุน กับพวกอีก 2 คน ถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง