สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดที่ 25,857.07 จุด ลดลง 59.47 จุด หรือ -0.23% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,924.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.62 จุด หรือ +0.27% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,877.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.45 จุด หรือ +0.19% ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุด โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า จีนจะตอบโต้สหรัฐ ถ้าเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ต่างดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 8.5% หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเทสลา ประกาศแผนปรับทีมบริหาร ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 0.7% หุ้นทวิตเตอร์ ดีดตัวขึ้น 0.2% หุ้นไมโครอน เทคโนโลยีส์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นยูไนเต็ด เรนทัลส์ ทะยานขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทประกาศเข้าซื้อกิจการบลูไลน์ เรนทัล ในวงเงิน 2.1 พันล้านดอลลาร์ หุ้นไนกี้ พุ่งขึ้น 2.2% หลังจากมีข้อมูล ยอดขายออนไลน์ของไนกี้พุ่งขึ้นแกร่งถึง 31% แต่หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.3% หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้แอปเปิลโยกย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐ หากต้องการหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ส่วนหุ้นอาลีบาบา ดิ่งลง 3.7% หลังจากแถลง นายแจ็ค หม่า จะดำรงตำแหน่งประธานบริหารอีกเพียง 1 ปี ก่อนจะส่งมอบตำแหน่งให้ นายแดเนียล จาง ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอ|