สถานการณ์ในประเทศ

กรณีสื่อสังคมออนไลน์ ส่งต่อหรือแชร์ เรื่องการติดเชื้อราจากแมว นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า มีโอกาสพบได้ โดยเฉพาะเชื้อราในกลุ่มที่เรียกว่า “กลาก” ติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงกับแมวที่ติดเชื้อรา หรือติดจากสิ่งแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ เช่น อุปกรณ์ที่รองนอน พรมที่นอน เนื่องจากสปอร์ของเชื้อราชนิดนี้ สามารถอยู่ได้นานเป็นเดือน แมวที่ไม่ได้แสดงอาการของการติดเชื้อ อาจเป็นพาหะนำเชื้อราชนิดดังกล่าวได้ สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ “กลาก” จากแมว ผิวหนังจะมีลักษณะเป็นวงกลมสีแดง ขอบนูนหนา และขยายวงขึ้น การรักษา แพทย์จะสั่งจ่ายยาตามความรุนแรงของการติดเชื้อ โดยใช้ยาทารักษาเชื้อรา ซึ่งจะต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง ติดต่อกันนาน 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่า ฆ่าเชื้อราได้จนหมด และลดความเสี่ยงกลับไปติดเชื้อซ้ำ รวมทั้งการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล ทำความสะอาดเครื่องนอนและเสื้อผ้าอย่างสม่ำเสมอ ด้านนายสัตวแพทย์พรพิทักษ์ พันธ์หล้า รองผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปกติแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีการแพร่โรคมายังคนได้ต่ำ แต่เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ชอบคลุกคลีใกล้ชิดคน ทำให้มีโอกาสนำเชื้อโรคบางชนิดมาสู่คนได้ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา โปรโตซัว เฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มแม่ที่ตั้งครรภ์ ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ หรืออยู่ในภาวะถูกกดภูมิคุ้มกัน จะมาจากการสัมผัสสิ่งขับถ่ายของแมว หมัดของแมว การโดนกัดและข่วน รวมถึงการสัมผัสขนหรือผิวหนังที่ติดเชื้อจากแมว นายสัตวแพทย์พรพิทักษ์ พันธ์หล้า ยังแนะนำ 9 ข้อควรปฏิบัติ สำหรับผู้ที่เลี้ยงแมว ดังนี้ 1.ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และหลังจากสัมผัสแมว 2.พาแมวไปตรวจสุขภาพและให้วัคซีนตามโปรแกรมที่กำหนด 3.หากโดนแมวกัดและข่วน ต้องรีบล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและใส่ยา และรีบไปพบแพทย์ 4.นำแมวไปฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี 5.กำจัดพยาธิภายนอกของแมว เช่น เห็บ หมัด 6.ไม่ควรให้แมวมาเลียตามร่างกาย และภาชนะใส่อาหารของคน 7.ควรเลี้ยงแบ่งแยกเป็นสัดส่วนและไม่ปล่อยให้ออกไปคลุกคลีกับสัตว์นอกบ้าน 8.กำจัดสิ่งขับถ่ายของแมว โดยการใส่ถุงมือและล้างมือทุกครั้ง รวมทั้งการทำความสะอาดถาดรองสิ่งขับถ่ายบ่อยๆ และ 9.ดูแลในกลุ่มเด็กเล็ก ไม่ให้เด็กเล่นทรายที่มีสิ่งขับถ่ายของแมว