ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคประมงในขณะนี้ว่า เป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในผู้นำภาคประมงที่สำคัญรายหนึ่งของโลก และในแต่ละปี มีรายได้จากผลิตภัณฑ์ประมงนวนมาก แต่ปัจจุบันแรงงานภาคประมงมีไม่เพียงพอ และคนไทยเองไม่นิยมทำอาชีพนี้ วันนี้ ต้องการแรงงานภาคประมงราว 53,000 คน จึงจำเป็นต้องเปิดรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหา โดยรัฐบาลกำหนดไว้ 3 แนวทาง คือ 1.ต่ออายุแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในภาคประมงอยู่แล้ว 2.นำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน และ 3.เปิดโอกาสให้แรงงานอื่นที่ยังอยู่ในประเทศมาทำงานในกิจการประมงได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับการต่ออายุแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในภาคประมงอยู่แล้ว และเคยผ่านการพิสูจน์สัญชาติมาก่อน 11,000 คน ซึ่งใบอนุญาตทำงานจะหมดอายุในวันที่ 30 ก.ย.นี้นั้น จะต่อให้สามารถทำงานได้อีก 2 ปี จนถึง 30 ก.ย.2563 โดยให้นายจ้างนำแรงงานต่างด้าวไปรายงานตัว ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (OSS) ในจังหวัดชายทะเล 22 จังหวัด ภายใน 30 ก.ย. ส่วนการนำเข้าแรงงาน ล่าสุด ทางการเมียนมาตอบรับจะส่งแรงงานเข้ามาภายในเดือน พ.ย. ราว 40,000 คน โดยรัฐบาลจะเปิดให้บริการตรวจสุขภาพ ตรวจลงตรา จัดทำทะเบียนประวัติ ฯลฯ ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ จ.ระนอง สำหรับการอนุญาตให้แรงงานอื่นที่ถือหนังสือเดินทาง หนังสือเดินทางชั่วคราว เอกสารรับรองบุคคล เอกสารเดินทาง ซึ่งยังมีอายุเหลืออยู่ สามารถอยู่ในประเทศเพื่อทำงานในกิจการประมงทะเลได้เป็นเวลา 1 ปี จะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนที่กำหนดต่อไป นายกรัฐมนตรี ยังกำชับให้กระทรวงแรงงาน เชิญชวนนายจ้างและผู้ประกอบการประมงทะเล รีบนำแรงงานต่างด้าวไปติดต่อที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มที่ 1 ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแบบเคาะประตูบ้าน เพื่อให้เข้าถึงทุกพื้นที่ พร้อมทั้งให้คำนึงถึงการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายควบคู่กันไปด้วย โดยยึดหลักปฏิบัติที่ได้ดำเนินการมาจนเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ