สถานการณ์ในประเทศ

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่ ประชาชนได้ประโยชน์ หรือไม่” สำรวจระหว่างวันที่ 3-4 กันยายน จากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ ทั่วประเทศ รวม 1,250 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแก้ พ.ร.บ.ยา (ฉบับใหม่ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561) โดยให้ตัดข้อความ “เภสัชกร” เป็น “ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ” ถ้าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ สามารถจัดหา ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติการ มาทำงานแทนได้ และให้วิชาชีพอื่นในสายสุขภาพ สามารถจ่ายยาได้ พบว่า ผลดีหรือผลเสียต่อประชาชนกับการที่ “พ.ร.บ.ยา ฉบับใหม่” เอื้อประโยชน์ให้วิชาชีพอื่นในสายสุขภาพ สามารถเปิดร้านขายยาได้เหมือนกับเภสัชกร ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.20 ระบุว่าส่งผลเสีย เพราะไม่มีความชำนาญ ความเชี่ยวชาญ เท่ากับเภสัชกร บางส่วนระบุ ส่งผลทำให้มีร้านขายยาเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ร้อยละ 46.48 ระบุว่าส่งผลดี เพราะจะได้มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น วิชาชีพอื่นในสายสุขภาพก็มีความรู้ความสามารถ ไม่น้อยกว่าเภสัชกร และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อยามากขึ้น สำหรับปัญหาเกี่ยวกับยาที่ควรปรับปรุงแก้ไขมากที่สุด ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 32.08 ระบุ การขายยาทางออนไลน์ รองลงมา การให้วิชาชีพอื่นสามารถเปิดร้านขายยาได้โดยไม่ต้องขออนุญาต การโฆษณายาอันตราย การผสมยาถือเป็นการผลิตยาใหม่ต้องมีการควบคุมเข้มงวด ด้านความเชื่อมั่นของประชาชนต่อบุคลากรวิชาชีพอื่นในสายสุขภาพ ว่าจะสามารถจ่ายยา/ขายยาได้เทียบเท่ากับเภสัชกร ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 68 ไม่เชื่อมั่น เพราะเภสัชกรมีความรู้ ความชำนาญมากกว่าบุคลากรวิชาชีพอื่นในสายสุขภาพ มีเพียงร้อยละ 29.44 ที่ระบุว่า เชื่อมั่น เพราะมีความรู้ความสามารถเทียบเท่ากับเภสัชกร เมื่อถามถึงการยอมรับให้วิชาชีพอื่นในสายสุขภาพ สามารถจ่ายยา/ขายยาโดยไม่มีเภสัชกรควบคุม ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 77.04 ยอมรับไม่ได้ เพราะผู้ที่จะจ่ายยาได้ต้องเป็นเภสัชกร หรือมีเภสัชกรคอยควบคุมการจ่ายยา ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่มีความมั่นใจหากเป็นวิชาชีพอื่น อาจจะจ่ายยาไม่ตรงกับโรคที่เป็นหรือจ่ายยาผิด มีเพียงร้อยละ 21.12 ที่ยอมรับได้ เพราะเป็นการเปิดกว้างในด้านอาชีพมากขึ้น เนื่องจากวิชาชีพอื่นในสายสุขภาพก็มีความรู้ ความสามารถเทียบเท่ากับเภสัชกร