ไทยตอนบนเย็นลง แต่ยังคงมีฝน ภาคใต้มีฝน 70-80%
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
ระทึก ไฟไหม้ที่ประชุม COP30 ต้องอพยพผู้คน การเจรจาหยุดชะงัก 21 พ.ย. 68 10:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
19 พฤศจิกายน 2568 15:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
18 พฤศจิกายน 2568 13:11 น.
นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต เปิดเผยสถานการณ์น้ำและพื้นที่เสี่ยงสำคัญ ว่า วันนี้ (2 ก.ย.) มีฝนตกหนักและมีพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักถึงหนักมาก 16 จังหวัด แบ่งเป็น ภาคเหนือ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน ตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.หนองคาย บึงกาฬ นครพนม ภาคตะวันตก จ.กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด ซึ่งช่วงวันที่ 3-7 ก.ย. นี้ ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤต กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันอัตราการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ 820 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาด้านท้ายเขื่อน จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 30-50 ซม. ซึ่งศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้ประสาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ปรับแผนลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ เพื่อป้องกันผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำให้เกิดน้อยที่สุด รวมถึงแจ้งจังหวัดและราษฎร ให้ทราบแผนการระบายน้ำล่วงหน้า โดยขณะนี้พบน้ำสูงกว่าตลิ่ง ที่ อ.พยุหคีรี จ.นครสวรรค์ ขณะเดียวกัน กรมชลประทานมีหนังสือแจ้ง 22 จังหวัด ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขอความร่วมมือชาวนาไม่เพาะปลูกข้าวต่อเนื่อง หลังเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงฤดูน้ำหลาก สำหรับสถานการณ์แม่น้ำโขงแนวโน้มน้ำสูงขึ้น โดยมีน้ำสูงกว่าตลิ่งที่ จ.หนองคาย นครพนม มุกดาหาร และ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี และต้องเฝ้าระวังบริเวณ จ.บึงกาฬ นายสำเริง แสงภู่วงค์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนอ่างเก็บน้ำเฝ้าระวังที่ความจุ 80-100 เปอร์เซ็นต์ เป็นอ่างฯขนาดใหญ่ 5 แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนวชิราลงกรณ 94 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนศรีนครินทร์ 91 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนรัชชประภา 86 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนขุนด่านปราการชล 86 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนปราณบุรี 79 เปอร์เซ็นต์