สถานการณ์ในประเทศ

พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เปิดเผยภายหลังเข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อรายงาน ผลการดำเนินงานของป.ป.ท.ในรอบ 1 เดือน ว่า ได้รายงานกรณีการพิจารณารับ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม ผู้เปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในศูนย์คุ้มครอง คนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น ซึ่งเบื้องต้น ป.ป.ท.พิจารณาแล้วว่ามีอัตราตำแหน่งว่างที่สามารถบรรจุน้องแบมได้ ในตำแหน่งนักสืบสวนสอบสวนการทุจริต ซึ่งรับผู้ที่จบปริญญาตรีทุกสาขา และ ได้ประสานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ ก.พ. ทั้งนี้ การให้บุคคลเข้ารับราชการมี 2 วิธี คือ วิธีแรกสอบคัดเลือกที่จะประกาศให้ทราบ โดยทั่วไปว่าจะเปิดสอบ ภาค ก. ภาค ข.และ ค. และวิธีที่สองคือการคัดเลือก ซึ่งใช้ในกรณี ของผู้ที่ทำคุณประโยชน์กับประเทศชาติ หรือมีคุณความดีต่อประเทศ เช่น นักกีฬาทีมชาติ ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ ซึ่งกรณีน้องแบมเข้าข่ายนี้ และกระบวนการดำเนินการให้ น้องแบมเข้ารับราชการมีหลายขั้นตอน ซึ่งน้องแบมต้องมาแจ้งความจำนงที่จะเข้ารับ ราชการต่อ ป.ป.ท.ส่วนกลาง และประสานไปยังป.ป.ท.พื้นที่ขอนแก่น เพื่อพิจารณา ตำแหน่งตามที่อยู่ของน้องแบมที่ จ.ขอนแก่น ซึ่งยังมีอัตราว่างอยู่ หลังจากนี้จะประสาน กับก.พ. คัดสรรเพื่อเข้ารับราชการตามขั้นตอน ซึ่งน่าจะประสานงานกับก.พ.ในวันนี้ พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่อว่า การบรรจุรับราชการในลักษณะเช่นนี้มาแล้วในหน่วยงานอื่น แต่ในส่วนของป.ป.ท.เพิ่งทำเป็นกรณีแรก และขอชี้แจงเหตุผลที่ป.ป.ท.ต้องการ เพราะ ผู้ที่ทำความดีต้องได้รับการยกย่อง เชิดชูและดูแล ที่สำคัญผู้ที่มีลักษณะเหมือนน้องแบม หากได้มาทำงาน ในลักษณะที่ต้องต่อสู้กับการทุจริตคอรัปชั่นใน ป.ป.ท. ก็น่าจะทำให้ เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติได้