สถานการณ์ต่างประเทศ

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างร่างสรุปผลการสอบสวนที่รั่วในวันนี้ว่า เหตุเครื่องบินสายการบินยูเอส-บังกลาแอร์ไลน์ เที่ยวบิน 211 เดินทางจากกรุงธากาของบังกลาเทศ ตกที่ท่าอากาศยานนานาชาติกาฐมาณฑุ เมื่อ 12 มีนาคม มีผู้เสียชีวิต 51 คน จากจำนวนผู้โดยสารและลูกเรือรวม 71 คน พบว่า นักบินอยู่ในอาการเครียดและควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เพราะถูกนักบินผู้ช่วยที่เป็นสตรี สงสัยว่าเขาเป็นครูฝึกสอนบินที่เก่งตามเสียงร่ำลือจริงหรือไม่ ทำให้อดีตนักบินกองทัพอากาศรายนี้ สูบบุหรี่ในห้องนักบินแบบมวนต่อมวน ร้องไห้สะอึกสะอื้น และพูดไม่หยุด เพื่อให้นักบินผู้ช่วยเชื่อ เป็นเหตุให้นักบินผู้ช่วย ซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติกาฐมาณฑุมาก่อน เสียสมาธิระหว่างบังคับเครื่องบินลงจอด ก่อนพุ่งชนรั้วกั้นอย่างแรง เครื่องบินแตกเป็นสองท่อนและไฟไหม้ นักบินทั้งสองคนรวมอยู่ในผู้เสียชีวิตด้วย ร่างรายงานสรุปการสอบสวน ยังระบุถึงข่าวที่เกิดขึ้นหลังเครื่องบินตกไม่นานว่า สาเหตุของเครื่องบินตก อาจเป็นเพราะนักบินและหอบังคับการบินสื่อสารตัวเลขทางวิ่งที่จะให้เครื่องลงจอดไม่ตรงกันว่า หอบังคับการบินแจ้งตัวเลขทางวิ่งสลับกันจริง แต่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรม ซึ่งเป็นเหตุเครื่องบินตกในเนปาลที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด รองจากเหตุเครื่องบินสายการบินปากีสถาน อินเตอร์เนชันนัล แอร์ไลน์ ตก ขณะใกล้ลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติกาฐมาณฑุ เมื่อกันยายน 2535 มีผู้เสียชีวิตหมดทั้งลำ 167 คน และเหตุเครื่องบินการบินไทยตก ใกล้ท่าอากาศยานแห่งนี้ เมื่อกรกฎาคมปีเดียวกัน เสียชีวิตยกลำ 113 คน