สถานการณ์ในประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค ปิดที่ 25,656.98 จุด ลดลง 76.62 จุด หรือ -0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,878.46 จุด ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.13% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.98 จุด ลดลง 4.84 จุด, -0.17% นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน โดยวานนี้ทั้งคู่ต่างประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. ซึ่งกรรมการเฟดหลายคนส่งสัญญาณว่า พร้อมจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ถ้าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และอาจถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงโดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2% หุ้นโบอิ้ง หุ้นอีตัน และหุ้น 3M คอร์ป ต่างลดลง 0.7% ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นเชฟรอน ลง 0.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 1.07% หุ้นอัลฟาเบธ บริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.5% หุ้นอเมซอน ลง 0.1% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.4% นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 23-25 ส.ค.นี้ มีหัวข้อการประชุม คือ "การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด และสิ่งบ่งชี้สำหรับทิศทางนโยบายการเงิน" นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์การเมืองของสหรัฐ หลังผู้ใกล้ชิด ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย นับตั้งแต่นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความที่ยอมสารภาพผิดในคดีอาญาทั้ง 8 คดี และนายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ถูกศาลสหรัฐตัดสินจำคุกในข้อหาก่อกวนพยานในคดีที่รัสเซียอาจมีส่วนก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559