สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 25,558.73 จุด พุ่งขึ้น 396.32 จุด หรือ +1.58% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,806.52 จุด เพิ่มขึ้น 32.41 จุด หรือ +0.42% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,840.69 จุด เพิ่มขึ้น 22.32 จุด หรือ +0.79% ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า คณะผู้แทนของจีน นำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับตัวแทนเจ้าหน้าที่สหรัฐ นำโดย นายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า นักลงทุนจับตาดูว่า การเจรจาดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 23 ส.ค.หรือไม่ ซึ่งเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่จีนขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นขานรับความหวังในการเจรจา โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดขึ้น 3.2% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ขึ้น 1.2% ขณะที่หุ้นวอลมาร์ท พุ่งขึ้น 9.3% หลังเปิดเผยรายได้ไตรมาส 2 ที่ 1.2803 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.29 ดอลลาร์สหรัฐ/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น และยอดขายพุ่งขึ้น 4.8% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 ส่วนหุ้นที่ปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เช่น หุ้นเจซี เพนนีย์ ห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 27% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ หุ้นเทสลา ร่วงลง 1% หลังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ ออกหมายเรียก นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้ปากคำกรณีทวีตข้อความกำลังพิจารณานำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น ที่ระดับราคา 420 ดอลลาร์สหรัฐ