สถานการณ์ในประเทศ

หลังศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ คดีจ้างวานฆ่า นายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม โดยยกฟ้อง พญ.นิธิวดี หรือหมอนิ่ม ภู่เจริญยศ อดีตภรรยา แต่พิพากษาประหารชีวิต นางสุรางค์ ดวงจินดา แม่ของหมอนิ่ม ผู้ว่าจ้างยิง แต่จำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนมือปืนและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้มือปืน ยืนตามศาลชั้นต้น จำคุกตลอดชีวิต และสั่งประหารชีวิตสถานเดียวคนเดียว คือ นายสันติ ทองเสม หรือ ทนายอี๊ด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือ ทนายตั้ม โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงคดีนี้ว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ศาลยกฟ้องหมอนิ่ม โดยวิเคราะห์จากคนที่ไม่เห็นสำนวน คดีนี้มือปืนกับคนขี่รถ รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยซัดทอดไปที่คนจ้างวานฆ่าคือ ทนายอี๊ด แต่ทนายอี๊ดปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากเป็นดังนี้ พยานหลักฐานอย่างมากก็ถึงแค่ตัว ทนายอี๊ดเท่านั้น กลับกันหากทนายอี๊ดรับสารภาพแล้วซัดทอดผู้บงการตนมาอีกที แบบนี้คงไม่รอดกันหมด ศาลพิจารณาจากพยานหลักฐานในสำนวน คดีนี้แม่หมอนิ่มรับสารภาพ และน่าจะมีสาเหตุโกรธเคืองกับคนตาย ก็สามารถลงโทษจำคุกตลอดชีวิตได้ นายษิทรา ระบุอีกว่า ส่วนจริง ๆ แล้วใครเป็นผู้บงการ ไม่มีใครรู้นอกจาก หมอนิ่ม แม่หมอนิ่ม และทนายอี๊ดแค่นั้น แต่ศาลไม่สามารถใช้ความรู้สึกตัดสินคดีได้ แม้บางครั้งอาจจะรู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่เป็นเรื่องนอกสำนวน ไม่สามารถนำมาประกอบดุลพินิจได้ เช่นเดียวกับคดีฆ่าเจ๊สายันต์ เศรษฐีตลาดโรงเกลือ นับตั้งแต่วินาทีแรกที่รับเป็นทนายให้ครอบครัวผู้เสียหาย ตนเองต้องพยายามหาหลักฐาน ที่สามารถเชื่อมโยงผู้บงการได้ เพื่อเสริมหลักฐานที่เจ้าหน้าที่มีอยู่ก่อน เพราะก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาทุกคนที่ถูกจับ ล้วนปฏิเสธจะซัดทอดผู้บงการ ที่เป็นผู้มีอิทธิพลและเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายชีวิตหลายคนได้ นายษิทรา ระบุด้วยว่า เมื่อเจ๊เยาว์มอบตัวในวันนี้รูปคดีจะเปลี่ยนไป ซึ่งตัวผู้บงการทราบถึงเรื่องนี้ดี ผลคดีนี้วันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่อาจจะคาดการณ์ได้ แต่จะทำให้ดีที่สุด แม้จะต้องเสี่ยงอันตราย และจะไม่มีวันทิ้งครอบครัวผู้เสียหาย ตามที่เคยรับปากไว้