สถานการณ์ในประเทศ

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ 1,132 คน ระหว่างวันที่ 17-21 กรกฎาคม กรณี ครม.สัญจร ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค. ที่ จ.อำนาจเจริญและอุบลราชธานี ซึ่งมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจมีนัยทางการเมือง พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.22 อยากให้การลงพื้นที่ เป็นการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างแท้จริง ร้อยละ 33.38 อาจมีนัยทางการเมือง หาเสียง ดูด ส.ส. ตามด้วย ไม่อยากเห็นความขัดแย้งหรือหาประโยชน์จากเรื่องนี้ อยากให้การลงพื้นที่ทุกจังหวัด เท่าเทียมกัน และรัฐบาลที่ผ่านมาก็จัด ครม.สัญจร เป็นเรื่องปกติ สำหรับ “ผลดี” ที่จะได้จากการจัด ครม.สัญจร ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.14 ได้ลงพื้นที่ ได้พบปะ รับฟังปัญหาจากคนในพื้นที่จริง ร้อยละ 39.26 ประชาชนได้ใกล้ชิด พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโดยตรง รองลงมา การอนุมัติงบประมาณดำเนินโครงการสำคัญในพื้นที่ กระตุ้นการทำงานของข้าราชการในพื้นที่ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้ประชาชน “ความคาดหวัง” ของประชาชนต่อการจัด ครม.สัญจรครั้งนี้ ร้อยละ 46.74 เปิดโอกาสให้ผู้ที่เดือดร้อนประสบปัญหา ได้เข้าพบและชี้แจงด้วยตนเอง ร้อยละ 30.37 นำผลไปสานต่อ แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ตามด้วย จังหวัดได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้น ลงพื้นที่ด้วยความจริงใจ ไม่มีนัยยะแอบแฝง ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 61.21 คิดว่าการจัด ครม.สัญจรครั้งนี้ มีนัยทางการเมือง เพราะเป็นการลงพื้นที่เพื่อหยั่งเสียงประชาชน มีความข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ต้องการดูกระแสตอบรับของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 38.79 เห็นว่าไม่มีนัยทางการเมือง เพราะเป็นการประชุม ครม. สัญจรปกติ รัฐบาลต้องการเข้าถึงประชาชน ส่วนเห็นด้วยหรือไม่ กับกระแสข่าวการประชุมครั้งนี้ว่าเป็นการ “ดูด ส.ส.” ร้อยละ 47.70 ไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ข้อมูลข้อเท็จจริง ยังไม่เห็นความเคลื่อนไหว อาจเป็นเพียงการโจมตีกัน ขณะที่ร้อยละ 31.01 เห็นด้วยว่าจะเป็นการดูด ส.ส. เพราะรัฐบาลต้องการสร้างฐานเสียง ขยายกลุ่มนักการเมืองที่มีอยู่ และร้อยละ 21.29 ไม่เห็นด้วย เพราะ ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของ ส.ส. สุดท้าย ประชาชนคิดว่าควรจะมีนักการเมืองในพื้นที่มาร่วมต้อนรับ ครม.สัญจร หรือไม่? ร้อยละ 52.01 เห็นว่าไม่ควร เพราะอาจถูกมองว่าเป็นเกมการเมือง ต้องการเอาใจรัฐบาล ไม่เป็นกลาง ร้อยละ 47.99 ควรจะมี เพราะเป็นตัวแทนของประชาชนในพื้นที่ เป็นปากเสียงแทนประชาชน ไม่ใช่เรื่องเสียหายที่จะพบนายกรัฐมนตรี