สถานการณ์ต่างประเทศ

นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจฝรั่งเศส กล่าวต่อที่ประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลาง ของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ 20 แห่ง หรือ จี20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา เมื่อวันเสาร์ว่า สหภาพยุโรป หรือ อียู จะไม่สานต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ กับสหรัฐ ตราบใดที่รัฐบาลสหรัฐยังไม่ยกเลิกกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมกับอียู ขณะที่นายสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ระบุว่า สหรัฐพร้อมลงนามในข้อตกลงการค้ากับทั้งอียูและจีน ที่จะไม่มีการตั้งกำแพงภาษีต่อกัน หากอีกฝ่ายยึดมั่นต่อกลไกการค้าที่เสรีและเป็นธรรม แต่นอกเหนือจากกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม ในอัตรา 25% และ 10% ที่สหรัฐบังคับใช้ต่ออียู เมื่อ 1 มิ.ย. และอียูตอบโต้ด้วยการตั้งกำแพงภาษีสินค้าของสหรัฐหลายร้อยรายการในอัตราสูงสุด 25% ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ยังเพิ่มอุณหภูมิให้ความขัดแย้งทางการค้า ด้วยการบอกว่า กำลังพิจารณาขึ้นภาษีรถยนต์จากยุโรปในอัตราสูงสุด 25% ด้านนางคริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า มาตรการกีดกันการค้าที่เกิดขึ้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว 0.5% ในปีนี้ แต่ในภาพรวม ไอเอ็มเอฟประเมินเศรษฐกิจโลก จะสามารถเติบโตได้สูงสุด 3.9% ในปี 2561 และปีหน้า ความเคลื่อนไหว จากที่ประชุมจี 20 ดังกล่าวมีขึ้น หลังนายทรัมป์ วิจารณ์จีนและอียูแทรกแซงค่าเงินของตัวเอง และลดดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำลง สวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐ ที่เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า และพร้อมเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัฐบาลจีน ด้วยการตั้งกำแพงภาษีสินค้าทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้าจากจีน ซึ่งมีมูลค่าต่อปีสูงถึง 505,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16 ล้าน 5 แสนล้านบาท