สถานการณ์ในประเทศ

ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีหมายเลขดำที่ อ.496/2558 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล, พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ อดีตรองผู้กำกับการสืบสวน กองยังคับการตำรวจนครบาล 1 และ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ โกษยานันท์ อดีตตำรวจสังกัด กองกำกับการสืบสวน กองยังคับการตำรวจนครบาล 1 เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะเป็นการกระทำที่ชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 อัยการโจทก์ฟ้อง เมื่อ 18 ก.พ.2558 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2552 จำเลยทั้งสาม ร่วมกันวางแผน โดยให้จำเลยที่ 3 จับกุม นายปพน ดาวเงิน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะร่วมอยู่ในวงลักลอบเล่นพนันกับนายอำนาจ ศักดิ์แสง, นางวรางรัตน์ สืบนพรัตน์ ผู้เสียหาย และพวก โดยนัดหมายให้ นางสุวรรณี บุรโกเสส เจ้าหนี้การพนันของนางวรางรัตน์ ผู้เสียหาย ไปรออยู่ ต่อมา จำเลยที่ 1 และ 2 ร่วมกันเจรจาต่อรองให้นางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหาย ชำระหนี้การพนันให้นางสุวรรณี เป็นเงิน 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับ นายปพน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับนางวรางค์รัตน์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ จะดำเนินคดีเฉพาะความผิดตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ จนนางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงยินยอมจะโอนบ้านที่ อ.ศรีราชา รวมถึงยินยอมเขียนเช็คธนาคาร รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาท พร้อมลงชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้นางสุวรรณี เพื่อชดใช้หนี้การพนัน จากนั้นจำเลยที่ 3 นำตัวนายปพน และนายอำนาจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และแจ้งให้จัดการนายปพน ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2559 เห็นว่าไม่มีเอกสารใดที่ระบุข้อความว่าจำเลยที่ 1 ให้มีการต่อรองคดี และจะปล่อยตัวนักพนันคนดังกล่าว เพื่อจะได้มีการชำระหนี้พนันต่อเจ้าหนี้ตามที่ผู้เสียหายอ้าง พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พยานโจทก์เบิกความมีพฤติกรรมพิรุธ ขัดแย้งกับคำให้การในชั้นจับกุม ประกอบกับมีพยานรายอื่นให้การยืนยัน ไม่มีน้ำหนักน่ารับฟังเป็นเหตุเป็นผล เบิกความไม่น่าเชื่อถือ จึงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหา รวมทั้งทางนำสืบพยานหลักฐานปรากฏชัดเจนว่า จำเลยมีความพยายามติดตามนำหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่มาอายัดตัว นายปพน ผู้ต้องหาในคดีตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ เเสดงให้เห็นว่าจำเลยไม่เจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด ภายหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เดินทางกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยไม่ให้สัมภาษณ์ ส่วนคดีนี้จะถึงชั้นฎีกาหรือไม่ขึ้นอยู่ที่โจทก์ แต่ได้มอบหมายให้ทนายความติดตามดูคดีไว้อยู่