สถานการณ์ในประเทศ

นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน นำแถลงปิดศูนย์ฯ ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชม.แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น. โดยสรุปว่า ถ้าไม่ได้รับพระบารมีจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ บารมีการช่วยเหลือทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย คงไม่สำเร็จ “ความสามัคคี” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เป็นความสามัคคีทั้งใน-ต่างประเทศ เกินคำว่า “กู้ภัย-กู้ชีพ” ทลายภาษา เชื้อชาติ เพื่อให้ทุกคนบรรลุเป้าหมาย มีนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญจากนานาชาติมากถึง 1 ใน 4 เป็นความร่วมมือที่ดีมาก ทั้งเทคโนโลยี ความรู้ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มาแลกเปลี่ยนร่วมกัน แม้ปิดภารกิจได้ แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ การส่งกลับ คือ ส่งน้องๆ ให้ถึงบ้าน คืนสภาพป่า และอุปกรณ์ต่างๆ จะถอดบทเรียนที่ไม่เคยเกิดในโลก เพราะเป็นครั้งแรกที่กู้ภัยในถ้ำที่มีน้ำเต็ม มาเป็นบทเรียนและการกู้ภัย จะรวบรวมฐานข้อมูล บุคคลที่มีคุณค่าว่าอยู่ที่ไหน อย่างไร และถือว่าบุคคลเหล่านี้เป็นอาคันตุกะอันทรงคุณค่า นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร แถลงต่อว่า ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ สิ่งหนึ่งที่ต้องขออภัย ที่บางครั้งต้องใช้ความเข้มข้นในพื้นที่ ทำให้สื่อมวลชนคิดว่าปิดบังข้อมูลหรือไม่ แต่ในสภาวะวิกฤต มีความเป็นตายของน้องทั้ง 13 ชีวิต จะตัดสินใจอย่างไร ต้องอยู่บนพื้นฐานของน้องทั้ง 13 คน บางครั้งสื่อฯได้ข่าวล่าช้าไปเล็กน้อย แต่ข่าวที่ออกไปเป็นข้อมูลจริง และจะเป็นบทเรียนว่า การทำงานในอนาคต เราต้องปรับปรุงการทำงานให้เร็วกว่านี้ เชื่อว่าทุกคนจะปรับปรุงการทำงาน ต้องขอบคุณทุกคนที่รอข่าวเพื่อยืนยันรอข้อมูล และขอบคุณทุกคนเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ในสื่อออนไลน์ มีดราม่า แต่ในสายตาของเจ้าหน้าที่ มองน้อง 13 คน ไม่ได้เป็นพระเอกหรือ ฮีโร่ แต่มองว่าเป็นเด็กน้อยที่ปฏิบัติไปตามวิสัยของเด็ก และเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้น้องออกมาไม่ได้ แต่เชื่อว่าเด็กเหล่านี้เมื่อโตมา จะรู้ว่าคนหลายร้อยล้านคนติดตามดูอยู่ และเชื่อว่าน้อง ๆ เหล่านี้จะเติบโตขึ้นมาเป็นคนไทยที่ดี มีคุณค่าต่อสังคม