สถานการณ์ในประเทศ

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า หลังจากกรมชลประทาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชนและจิตอาสาในการ ทำทางเบี่ยงน้ำ หรือ บายพาสน้ำ เพื่อสกัดกั้น และเปลี่ยนช่องทางไหลของน้ำให้พ้นจาก แนวรอยรั่วเข้าถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ณ บ้านผาหมี ด้วยการทำฝายแห่งที่ 1 กั้นลำห้วยน้ำดั้น ส่วนฝายแห่งที่ 2 กั้นลำห้วยผาหมี จนเมื่อวันที่ 2 ก.ค. หน่วยซีล สามารถดำน้ำเข้าไปค้นหา ผู้ประสบภัยทั้ง 13 ราย จนสำเร็จแล้วนั้น เมื่อวานนี้ ( 3 ก.ค. 61) กรมชลประทานร่วมกับ กรมทรัพยากรธรณี และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สำรวจสภาพทางธรณี ของลำห้วยผักตีนไฟ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศใต้ของถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน พบร่องรอยบริเวณ ที่คาดว่าน้ำไหลซึมเข้าไปภายในถ้ำ 1 จุด จึงดำเนินการสร้างฝายชั่วคราวแห่งที่ 3 กั้นลำหัวยผาฮี้ พร้อมกับส่งนักธรณีวิทยาและวิศวกรปฐพีกลศาสตร์ ลงพื้นที่วิเคราะห์ ด้านวิศวกรรม และประสานโครงการชลประทานเชียงราย กรมอุทยานแห่งชาติ ฯ ในการกำหนดจุดสร้างฝาย จนสำเร็จเมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (4 ก.ค. 61) และ จะติดตั้งท่อบายพาสน้ำที่คาดว่าจะไหลลงสู่โพรงถ้ำอีกหนึ่งจุด ทั้งนี้ หลังจากติดตั้งท่อบายพาสที่ฝายชั่วคราวห้วยผาฮี้แห่งที่ 3 จะสามารถเบี่ยงน้ำ ได้สูงสุด 34,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน สามารถป้องกันไม่ให้น้ำไหลลงไปในโพรงถ้ำ ได้ประมาณ 13,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัย ,หน่วยซีล พร้อมทั้ง หน่วยแพทย์ สามารถนำผู้ประสบภัยทั้ง 13 ราย ออกมาจากถ้ำหลวงได้อย่างสะดวก และรวดเร็วที่สุด ซึ่งจนถึงขณะนี้ระดับน้ำในถ้ำหลวงได้ลดลงตลอด