สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 24,216.05 จุด เพิ่มขึ้น 98.46 จุด หรือ +0.41% ส่วนดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,716.31 จุด เพิ่มขึ้น 16.68 จุด หรือ +0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,503.68 จุด เพิ่มขึ้น 58.60 จุด หรือ +0.79% ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืน โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้น กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคาร หลังทั้งสองกลุ่มร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้ โดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นแอปเปิล ขึ้น 0.7% หุ้นอัลฟาเบท ขึ้น 0.8% และ หุ้นเฟซบุ๊ก ขึ้น 0.2% ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ขึ้น 1.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.6 % หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.5% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 2.3% อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพร่วงลงอย่างหนัก หลังมีรายงานว่า อเมซอนเข้าซื้อกิจการพิลแพค บริษัทขายยาออนไลน์ ด้านหุ้นกลุ่มธุรกิจขนส่งพัสดุร่วงลงเช่นกัน เพราะความวิตกกังวลที่ว่า อเมซอนไม่เพียงจะรุกธุรกิจสุขภาพเท่านั้น แต่ยังวางแผนจะสยายปีกเข้าสู่ธุรกิจขนส่งพัสดุด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตานโยบายการค้าของสหรัฐอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ปรึกษาทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า สหรัฐยังคงเดินหน้าปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศ แผนการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศไปนั้น ไม่ได้บ่งชี้ว่าสหรัฐจะอ่อนข้อให้จีน พร้อมต้องการให้คณะกรรมการ CFIUS ตัดสินใจว่า เมื่อไหร่ที่บริษัทจีนควรจะถูกระงับการเข้าถือครองบริษัทในสหรัฐ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐ