สถานการณ์ในประเทศ

นายสนิท อักษรแก้ว รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับการห้ามนำเข้าขณะอิเลคทรอนิคส์ และสนับสนุนว่าในอนาคตควรต้องมีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะอิเลคทรอนิคส์ ที่สร้างมลพิษให้ประเทศ มีผลเสียมากกว่าได้ เพราะปัจจุบันลำพังขยะของไทยมีถึง 6.5 ล้านตันต่อปียังไม่สามารถกำจัดได้หมด ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ตระหนักเรื่องนี้ จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมศุลกากร มาให้ข้อมูล และย้ำให้ยุติการนำเข้าขยะอิเลคทรอนิคส์ในขณะนี้ก่อน จากเดิมที่เคยใช้วิธีสุ่มตัวอย่าง ขอให้เปลี่ยนไปตรวจสอบให้ครบถ้วน โดยเฉพาะตู้คอนเทนเนอร์ที่เข้ามาตอนนี้ ขอให้ตรวจสอบ 100% เพื่อป้องกันปัญหาขยะพิษ เพราะต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นายสนิท อักษรแก้ว เปิดเผยอีกว่า ปีที่แล้ว ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ... ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่จะแก้ไขปัญหาขยะอิเลคทรอนิคส์เข้ามา ซึ่งคณะกรรมาธิการฯติดตามและศึกษาร่วมกับคณะกรรมาธิการกิจการ สนช. หรือ วิป สนช.แล้ว และเห็นว่าควรรับฟังความเห็นจากประชาชนและทุกภาคส่วน จึงนำเรื่องนี้กลับไป คิดว่าน่าจะส่งกลับเข้ามาให้ สนช.พิจารณาได้เร็ว ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายตระหนักถึงปัญหานี้ และเห็นว่าถ้ากฎหมายยังไม่ออกมา ก็ต้องการให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 เพื่อหยุดยั้งสิ่งนี้ก่อน รองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สนช. ยืนยันด้วยว่า จะต้องกำหนดโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนนำเข้าขยะอิเลคทรอนิคส์และสร้างปัญหามลพิษให้รุนแรง และเมื่อกฎหมายออกมาแล้วต้องบังคับใช้อย่างจริงจังด้วย