สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดที่ 24,657.80 จุด ลดลง 42.41 จุด หรือ -0.17% ขณะที่ดัชนี S&P500(เอสแอนด์พี ห้าร้อย) ปิดที่ 2,767.32 จุด เพิ่มขึ้น 4.73 จุด หรือ +0.17% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,781.51 จุด เพิ่มขึ้น 55.93 จุด หรือ +0.72% ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลว่า การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลดังกล่าว โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ปรับตัวลง 0.1% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ลด 0.2% และหุ้นอีตัน คอร์ป ลดลง 0.3% หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ปรับตัวลง 0.5% หลังมีรายงานว่า GE จะถูกถอดออกจากการคำนวณดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นรวม 30 ตัว ปีนี้ GE ถูกเทขายจนทำให้ราคาดิ่งลงกว่า 55% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัท หลังประกาศปลดพนักงาน 12,000 ตำแหน่งในธุรกิจผลิตไฟฟ้าทั่วโลก เพื่อรับมืออุปสงค์ที่ลดลง ขณะที่หุ้นสตาร์บัค ดิ่งลง 9.1% หลังปรับลดคาดการณ์ยอดขาย และมีแผนจะปิดร้านกาแฟในสหรัฐเพิ่มอีก จากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสหรัฐ ส่วนหุ้นเอทีแอนด์ที ร่วงลง 1.2% หลังมีรายงานกำลังเจรจาซื้อบริษัทแอปเน็กซัสบริษัทเทคโนโลยีด้านการโฆษณา อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นแอปเปิล ขึ้น 0.4% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1% หุ้นอัลฟาเบท ขึ้น 0.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.8% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ทะยานขึ้น 2.9% หุ้นวอลท์ ดิสนีย์ ขึ้น 1% หลังประกาศเพิ่มวงเงินซื้อธุรกิจส่วนใหญ่ของ บริษัท ทเวนตี้ เฟิร์สต์ เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ จำกัด