สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,700.21 จุด ร่วงลง 287.26 จุด หรือ -1.15% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,762.59 จุด ลดลง 11.16 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,725.58 จุด ลดลง 21.44 จุด หรือ -0.28% ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 6 เมื่อคืนท่ามกลางความวิตกกังวลการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อาจลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก ล่าสุด ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเตือนว่า ถ้ารัฐบาลจีนเรียกเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐอีก เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ในอัตรา 10% สหรัฐก็พร้อมเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนในวงเงินเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์พร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง ถ้าสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10% ตามที่ขู่ไว้ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงจากความกังวล อาจได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 3.8% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.6% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ลง 2.1% หุ้นเฟดเอ็กซ์ บริษัทจัดส่งพัสดุภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2 % เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าเช่นกัน หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.1% แม้หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ยืนยันต่อนายทิม คุก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแอปเปิลว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ iPhone ที่ประกอบในประเทศจีน ก็ตาม ด้านหุ้นเทสลา มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ ร่วงลง 4.9% หลังจากนายอีลอน มัสค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเทสลา ชี้แจงว่า พนักงานคนหนึ่งก่อเหตุโจมตีระบบการผลิต เหตุไม่พอใจที่ไม่ได้เลื่อนขั้นและยังส่งข้อมูลที่มีความอ่อนไหวให้บุคคลที่สามด้วย