สถานการณ์ในประเทศ

ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุม ผู้นำประเทศสมาชิกยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง หรือ แอคเมคส์ (Ayeyawady – Chao Phraya – Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ 8 ณ โรงแรมแชงกรี-ลา ระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. โดยมีผู้นำประเทศสมาชิก ประกอบด้วย นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายอูวิน มยิน ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม รวมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ (15 มิ.ย.) เริ่มต้นด้วยการประชุม ACMECS CEO Forum หัวข้อ “เสริมสร้างความเชื่อมโยงทุกมิติเพื่ออนาคตร่วมกันของสมาชิกลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีทั้งผู้นำชาติสมาชิกแอคเมคส์และผู้บริหารภาคเอกชน เข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน จากทั้งชาติสมาชิกและหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา ในการยกระดับความร่วมมือด้านการเชื่อมโยง การค้าการลงทุนและการเงิน เมื่อเวลา 09.00 น. นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดงานสรุปว่า ยินดีที่ภาคเอกชนของประเทศสมาชิก ACMECS และประเทศหุ้นส่วนการพัฒนา ให้ความสนใจเข้าร่วมจำนวนมาก การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติสมาชิก โดยอาศัยความได้เปรียบจากความคล้ายคลึงกันทางวัฒนธรรม เพื่อลดช่องว่างในการพัฒนา มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนที่มักถูกมองเป็นซอยตัน จึงต้องมุ่งเน้นความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและในระดับท้องถิ่น ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองแบบยั่งยืนร่วมกันของอนุภูมิภาค ขณะเดียวกัน ประเทศ ACMECS จึงจำเป็นต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่ต้องยกระดับสินค้าเกษตรด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ และหลีกเลี่ยงการแข่งขันระหว่างกันเอง การประชุมครั้งนี้ ทุกชาติสมาชิกจะเห็นพ้องในการจัดทำแผนแม่บท ACMECS เพื่อปรับโครงสร้างและจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือ มุ่งเน้นสร้างความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อในอนุภูมิภาค พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวเชิญชวนภาคเอกชน เข้ามาร่วมกำหนดเป้าหมายเร่งด่วนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และนวัตกรรม ตลอดจนประเด็นที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยอำนวยความสะดวก หรือปรับเปลี่ยนกฎระเบียบให้มีความยืดหยุ่นและสอดประสานกันมากขึ้น นอกจากนี้ในการจ้างแรงงาน ไทยมีนโยบายเปิดกว้าง โดยรัฐบาลได้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จำนวนทั้งสิ้น 10 แห่ง ตามบริเวณแนวชายแดน ซึ่งไทยมีมาตรการการอำนวยความสะดวกในการจ้างงานแรงงานต่างด้าวในพื้นที่เหล่านี้ ด้านนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวช่วงหนึ่งว่า รัฐบาลกัมพูชาอำนวยความสะดวกและส่งเสริมด้านการค้า ด้วยการจัดทำระบบศุลกากรที่ มีความสะดวก มากขึ้นและลดค่าใช้จ่าย พร้อมปฏิรูปหน่วยงานด้านการศุลกากรระหว่างประเทศและท่าเรือระหว่างประเทศเพื่อช่วยเร่งรัดการส่งออกและนำเข้าสินค้า นอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชากำลังปฏิบัติตามแผนแม่บท โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมโยงด้านดิจิทัล พร้อมกับกำลังลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ โดยขยายถนนเป็น 4 เลนทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน และกำลังยกระดับท่าเรือที่สีหนุวิลล์ เพื่อสามารถรับเรือขนาดใหญ่หลายชนิดรวมทั้งก่อสร้างทางด่วนลงสีหนุวิลล์ เพื่ออำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าไปสู่ท่าเรือน้ำลึก อีกทั้ง กัมพูชากำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลดภาษีไฟฟ้า ภายในปี 2562 และเพิ่มความพยายามในการรักษาเสถียรภาพและคุณภาพของไฟฟ้า เพื่อดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมที่ใช้เครื่องจักรทันสมัย นอกจากนี้ เรากำลังจะจัดตั้งธนาคารที่ส่งเสริมธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม( เอสเอ็มอี) รวมถึงกำลังจัดทำร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งนี้ มีการสนธิกำลังทั้งตำรวจและทหาร เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดการประชุม โดยกระจายกำลังทั่วสถานที่จัดประชุม โดยใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด มีการตรวจสแกนกระเป๋าสัมภาระของผู้เข้าร่วมงาน และกำหนดให้เฉพาะผู้ที่ทำบัตรลงทะเบียนร่วมงานเท่านั้น