สถานการณ์ต่างประเทศ

การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศ หรือ จี 7 ที่เมืองลา มัลเบ รัฐควิเบก ทางตะวันออกของแคนาดา เป็นเวลา 2 วัน สิ้นสุดเมื่อวันเสาร์ โดยสหรัฐถอนตัวจากการสนับสนุนปฏิญญาร่วมของการประชุมครั้งนี้ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เป็นเพราะนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ไม่ซื่อสัตย์และอ่อนหัด ด้วยการแถลงข่าวลับหลังเขาว่า กำแพงภาษีของสหรัฐคือการดูหมิ่น และตำหนิว่าเขา ไม่ให้เกียรติอีกฝ่าย ผู้นำสหรัฐ กล่าวอีกว่า กำแพงภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐ คือ มาตรการตอบโต้การที่รัฐบาลแคนาดา เก็บภาษีผลิตภัณฑ์นมของสหรัฐสูงถึง 270 % ซึ่งเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรของสหรัฐ และกำลังพิจารณาการตั้งกำแพงภาษียานยนต์ ซึ่งไหลบ่าเข้าสู่ตลาดของสหรัฐอย่างเอาเปรียบด้วย ขณะที่รัฐบาลแคนาดายังไม่แสดงท่าทีอย่างเป็นทางการ ต่อเสียงวิจารณ์ดังกล่าวของทรัมป์ แต่ทรูโด กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างการแถลงปิดการประชุมว่า ชาวแคเนเดียนสุภาพและมีเหตุผล แต่ขณะเดียวกัน แคนาดาต้องรักษาเกียรติของตัวเอง เขาได้แจ้งให้ผู้นำสหรัฐให้ทราบว่า มาตรการกำแพงภาษีของรัฐบาลแคนาดา ต่อสินค้าหลายประเภทจากสหรัฐ จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. นี้เป็นต้นไป เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการที่ไม่ยุติธรรมต่อแคนาดาก่อน พร้อมยืนยันว่า ทุกเรื่องที่เขาหารือกับทรัมป์ ไม่ว่าในช่วงก่อนการประชุม ระหว่างการประชุม หรือนอกรอบการประชุม ล้วนเป็นประเด็นที่ผู้นำสหรัฐทราบดีอยู่แล้ว สำหรับสาระสำคัญของปฏิญญาการประชุมจี 7 ครั้งนี้ ยังคงระบุว่า ผู้นำของสหรัฐ แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และญี่ปุ่น เห็นพ้องถึงความจำเป็นของการขับเคลื่อนนโยบายการค้าที่เสรี ยุติธรรม และเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการต่อต้านการกีดกันทางการค้า การลดกำแพงภาษี และมาตรการอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นประโยคที่จี 7 ใช้ในแถลงการณ์ปิดการประชุมแทบทุกครั้งในระยะหลัง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับรัสเซีย โดยอาจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลรัสเซียหากจำเป็น ย้ำการปฏิเสธแนวคิดของทรัมป์ ที่เสนอการรื้อฟื้นกลุ่ม จี 8 ซึ่งรัสเซียเคยเป็นสมาชิก