สถานการณ์ต่างประเทศ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตลาดหุ้นนิวยอร์ค พุ่งขึ้น 346.41 จุด หรือ +1.40% ปิดที่ 25,146.39 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 23.55 จุด หรือ +0.86% ปิดที่ 2,772.35 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 51.38 จุด หรือ +0.67% ปิดที่ 7,689.24 จุด ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักเมื่อคืนนี้ โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพากำไรจากดอกเบี้ย หลังจากมีกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะช่วยหนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมวันที่ 12-13 มิ.ย.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.3% โกลด์แมน แซคส์ ขึ้น 1.7% มอร์แกน สแตนลีย์ และซิตี้กรุ๊ป พุ่ง 2.2% แบงก์ ออฟ อเมริกา ทะยานขึ้น 3.2% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวขึ้น 2% ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ได้แรงหนุนจากหุ้นคอมแคสต์ที่พุ่งขึ้น 3.8% หลังรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้คอมแคสต์ เข้าซื้อกิจการของบริษัทสกาย ผู้ให้บริการเครือข่ายเคเบิลทีวียุโรป ขณะที่หุ้นเทสลาร์ มอร์เตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ทะยานขึ้น 9.7% หลังจาก ซีอีโอสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้นว่า อาจผลิตรถยนต์รุ่น Model 3 ได้มากถึงสัปดาห์ละ 5,000 คัน ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ปิดตลาดอ่อนแรงลง 0.8% หลังยอมรับว่าร่วมมือกับบริษัทจีนอย่างน้อย 4 แห่ง คือ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์, เลอโนโว กรุ๊ป, ออปโป้ และทีซีแอล คอร์ป แบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก