สถานการณ์ในประเทศ

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุว่า ในช่วงหน้าฝนมักพบโรคไข้หวัดใหญ่ระบาด ซึ่งเป็นโรคที่พบบ่อยในทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่กลุ่มเด็กเล็ก จนถึงผู้สูงอายุ อาการป่วยจะส่งผลต่อสุขภาพและต้องหยุดพักรักษาตัวในกลุ่มเสี่ยงมีภูมิต้านทานน้อยจนถึงขั้นมีอาการแทรกซ้อน บางรายอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จากรายงานเฝ้าระวังโรคโดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ปี 2560 พบผู้ป่วย 196,765 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 300.74 ต่อแสนประชากร เสียชีวิต 55 ราย ซึ่งสูงกว่า 5 ปีย้อนหลัง ทั้งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่วนปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 มี.ค. พบผู้ป่วย 29,324 ราย เสียชีวิต 1 ราย ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ A (H1N1), A (H3N2) และสายพันธุ์ B เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ สปสช.จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฤดูกาลใหม่ 3.5 ล้านโด๊ส ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการ เพื่อฉีดให้แก่ประชาชนทุกสิทธิที่เป็นกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติกำหนด โดยเป็นวัคซีนผลิตจากเชื้อตาย 3 สายพันธุ์ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ที่พบระบาดมากในไทยและทั่วโลก ประกอบด้วย ไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H1N1) ชนิด A (H3N2) และไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า 7 กลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับวัคซีนได้ ที่หน่วยบริการรัฐและเอกชน ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-31 ส.ค. หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด พร้อมยืนยันวัคซีนเชื้อตายที่จะฉีดให้ประชาชนครั้งนี้ได้ผลดี ไม่มีปัญหากลายพันธุ์และมีความปลอดภัย ใช้ในประเทศไทยมากว่า 10 ปีแล้ว ทั้งคุ้มค่ากว่าวัคซีน 4 สายพันธุ์ที่เพิ่งให้บริการฉีดในภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วยการวัคซีน มีผลช่วยป้องกันได้ร้อยละ 60-70 เท่านั้น ดังนั้น การดูแลตนเองด้วยการหลีกเลี่ยง หรือป้องกันจากการสัมผัสผู้ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ การทำร่างกายให้แข็งแรง กินอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพและล้างมือให้สะอาด ยังเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไป