สถานการณ์ในประเทศ

นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมไปตรวจสอบโรงงานที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าวัตถุอันตราย ตามกฎหมายว่าด้วยวัตถุอันตราย และอนุสัญญาบาเซล ที่มีอยู่ 7 โรงงาน ถ้าพบไม่ถูกต้อง จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมสั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ สำรวจ และทำหนังสือแจ้งเตือนโรงงานอุตสาหกรรมที่ประกอบกิจการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ ประเภทโรงงานการคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช่แล้ว (โรงงานลำดับที่ 105) และประเภทโรงงานผลิตวัตดุดิบที่มาจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (โรงงานลำดับที่ 106) โดยให้ทุกโรงงานปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 อย่างเคร่งครัด ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้อุตสาหกรรมจังหวัดประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตำรวจ ทหาร สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานสาธารณสุข เพื่อร่วมกันเข้าตรวจสอบโรงงาน พร้อมต้องให้คำปรึกษา ผู้ประกอบการให้สามารถประกอบกิจการได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและสมุทรสงคราม ได้รายงานผลการตรวจสอบโรงงานอุตสาหกรรมที่ประกอบกิจการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ พบว่า ในจังหวัดสมุทรปราการ มี 2 โรงงาน ที่ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 มีการกองเศษวัตถุดิบ อยู่ภายนอกอาคารโรงงาน จึงสั่งให้จัดเก็บวัตถุดิบภายในอาคาร และพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้แจ้งหนังสือให้โรงงานดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนจังหวัดอื่นๆ จะทยอยรายงานผลการตรวจสอบ ซึ่งจะต้องรายงานผลการดำเนินงานให้ทราบภายในสัปดาห์นี้ ปัจจุบัน โรงงานอุตสาหกรรมที่ประกอบกิจการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ 1,761 โรงงาน แยกเป็นโรงงานการคัดแยก ฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช่แล้ว 1,222 โรงงาน และโรงงานผลิตวัตดุดิบที่มาจากผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่แล้ว เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ 539 โรงงาน และในจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ถือว่ามีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมประเภทดังกล่าวจำนวนมาก สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดในพื้นที่ จึงต้องประสานกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการทำแผนการตรวจกำกับ และดูแลโรงงานอุตสาหกรรมที่ประกอบกิจการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก