สถานการณ์ในประเทศ

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงความคืบหน้า การพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวกัมพูชา ลาว เมียนมา และการดำเนินการของศูนย์ บริการเบ็ดเสร็จ หรือ One Stop Service โดยมีผู้แทนสถานเอกอัครราชทูตทั้ง 3 สัญชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวว่า ยังมีแรงงานต่างด้าวที่ต้องดำเนินการทำทะเบียนประวัติ 360,222 คน ขณะนี้มาดำเนินการแล้ว 190,705 คน เป็นกัมพูชา 68,419 คน ลาว 8,975 คน เมียนมา 113,311 คน ยังเหลือยอดค้าง 169,517 คน ขณะที่การพิสูจน์สัญชาติทำไปแล้ว 67,688 คน คงเหลืออีก 66,803 คน ส่วนใหญ่เป็นกัมพูชา 54,413 คน ทั้งนี้การดำเนินการทั้ง 2 ส่วนนี้จะเร่งดำเนินการให้เสร็จในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ซึ่งเสร็จก่อนกำหนด ในวันที่ 30 มิ.ย. อย่างไรก็ตาม มองว่านายจ้าง และลูกจ้าง เกิดความชะล่าใจ ไม่มาดำเนินการ ทั้งพิสูจน์สัญชาติ และขึ้นทะเบียนขออนุญาตทำงาน ที่จะทำให้เกิดปัญหาและส่งผลกระทบ ให้มีแรงงานต่างจำนวนมากไปใช้บริการในช่วงสุดท้ายเช่นที่ผ่านมา รวมถึงเขาคงคาดว่า จะมีการขยายเวลาดำเนินการอีก ดังนั้นจึงขอแจ้งว่าจะไม่มีการขยายเวลาอีกแน่นอน เพราะ ให้บริการอย่างเต็มที่แล้วในช่วงที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป หากนายจ้าง และ แรงงาน ที่ทำงานและจ้างงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิด โดยลูกจ้างจะมีโทษปรับ 5,000-50,000 บาท ส่วนนายจ้างจะมีโทษปรับ 10,000 -100,000 บาทต่อลูกจ้าง 1 คน และหากมีการทำผิดซ้ำจะมีโทษปรับ 50,000-200,000 บาทต่อลูกลูกจ้าง 1 คน มีโทษ จำคุก 1 ปี และไม่อนุญาตให้จ้างแรงงานต่างด้าวอีกในระยะเวลา 3 ปี