สถานการณ์ต่างประเทศ

คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของเวเนซุเอลา ประกาศผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งมีขึ้นเมื่อวานนี้ ( 20 พ.ค.) ว่าประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร จากพรรคสังคมนิยม ชนะการ เลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสนับสนุน 67.7% คิดเป็นคะแนนดิบ 5.8 ล้านคะแนน ตามด้วย นายเฮนรี ฟอลคอน จากพรรคก้าวหน้า ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียวที่ส่งผู้สมัคร ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 21.2% คิดเป็น 1.8 ล้านคะแนน แต่จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์ อยู่ที่เพียง 46.1% จากจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง 20.5 ล้านคน ลดลงเมื่อ เปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2556 ซึ่งนายมาดูโร ชนะการเลือกตั้งสมัยแรก มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์สูงถึง 80% นายนิโคลัส มาดูโร วัย 55 ปี ประกาศชัยชนะท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนหลายหมื่นคน หน้าทำเนียบมิราฟลอเรส ในกรุงการากัส ว่าชัยชนะครั้งนี้ คือประวัติศาตร์ เนื่องจาก ไม่เคยมีประธานาธิบดีเวเนซุเอลาคนใด ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนสูง ขนาดนี้มาก่อน การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งก่อนกำหนดครบวาระ 6 ปี ผู้ชนะจะดำรงตำแหน่ง เดือน ม.ค. ปีหน้า แต่ชัยชนะของนายมาดูโร หมายความว่า วาระสมัยที่สองของเขา จะต่อเนื่องทันที ขณะที่ นายไมเคิล ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวก่อนการประกาศผลคะแนนอย่างเป็นทางการ ว่าการเลือกตั้งผู้นำเวเนซุเอลา ในครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้ง จอมปลอม เพราะผลคะแนนที่ออกมา ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐ ประณามการบริหารเศรษฐกิจผิดพลาดของนายมาดูโร เป็นเหตุให้เวเนซุเอลา เข้าสู่กลียุคในนทุกด้าน และมีการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฉพาะเมื่อปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิต 160 คน และผู้ที่มีแนวคิดการเมืองคนละขั้ว ถูกจับกุมเป็นจำนวนมาก